หุ้นไทยเช้านี้แนวโน้มแกว่งไซด์เวย์ หลังตัวเลขศก.สหรัฐไม่ดี-การเมืองกดดัน

นักวิเคราะห์ฯเล็งตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์คล้ายตลาดภูมิภาคที่แกว่งไซด์เวย์บวกแคบ หลังสหรัฐรายงานตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด และตลาดบ้านเรารับแรงกดดันจากการเมืองในประเทศ อย่างไรก็ดีให้จับตาทิศทาง Fund Flow จะมีมาก/น้อยแค่ไหน และติดตามการปรับลดน้ำหนักของ MSCI ในสัปดาห์หน้า รวมถึงการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะมีขึ้นใน 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ พร้อมให้แนวรับ 1,400-1,395 แนวต้าน 1,428-1,432 จุด

นายกรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน-กลยุทธ์การลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์คล้ายกับตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียที่เช้านี้ต่างเคลื่อนไหวไซด์เวย์ในแดนบวกแคบ ๆ หลังจากกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19

ส่วนตลาดบ้านเราก็มีปัจจัยการเมืองกดดันอยู่ อย่างไรก็ดีให้จับตาทิศทางการลงทุนของ Fund Flow จะมีมาก/น้อนแค่ไหน และให้ติดตามการปรับลดน้ำหนักการลงทุนของ MSCI ในสัปดาห์หน้าประมาณ 114 ล้านเหรียญฯ รวมถึงติดตามการประชุมกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ที่จะมีการประชุมในวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.นี้ ดูว่าจะยังขยายระยะเวลาการลดกำลังการผลิตน้ำมันอยู่หรือไม่ หลังจากที่ราคาน้ำมันได้ปรับตัวขึ้นตอบรับประเด็นนี้ไปแล้ว

พร้อมให้แนวรับ 1,400-1,395 จุด ส่วนแนวต้าน 1,428-1,432 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (25 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 29,872.47 จุด ลดลง 173.77 จุด (-0.58%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,629.65 จุด ลดลง 5.76 จุด (-0.16%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,094.40 จุด เพิ่มขึ้น 57.61 จุด (+0.48%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.27 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น ลดลง 41.39 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง เพิ่มขึ้น 25.50 จุด, ดัชนี TAIEX ตลาดหุ้นไต้หวัน เพิ่มขึ้น 24.96 จุด, ดัชนี KOSPI ตลาดหุ้นเกาหลีใต้ เพิ่มขึ้น 4.19 จุด, ดัชนี FTSE STI ตลาดหุ้นสิงคโปร์ ลดลง 13.18 จุด, ดัชนี FBMKLCI ตลาดหุ้นมาเลเซีย เพิ่มขึ้น 0.11 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (25 พ.ย.63) 1,415.72 จุด เพิ่มขึ้น 14.09 จุด (+1.01%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 3,723.66 ล้านบาท เมื่อวันที่ 25 พ.ย.63
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ม.ค.64 ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (25 พ.ย.63) ปิดที่ 45.71 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 80 เซนต์ หรือ 1.8%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (25 พ.ย.63) อยู่ที่ 0.78 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 30.30 แข็งค่าจากวานนี้ตามตลาดโลก หลังตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯกดดอลล์อ่อน
  • รฟท.-สกพอ.เร่ง “ซีพี” เคลียร์ปมปรับแนวสถานีรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จี้ส่งข้อมูลภายใน พ.ย.นี้ ชี้ต้องเป็นประโยชน์ต่อผู้โดยสาร ไม่กระทบชุมชน หวั่นแผนเวนคืนที่ดินก่อสร้างสะดุด “เมืองพัทยา” ห่วงกระทบโมโนเรล ชี้ห่างจากที่ตั้งเดิม 15 กม. กรมโยธาฯเช็คข้อมูลย้ายสถานี ประกอบทำผังเมืองระดับอำเภอ
  • นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วในไตรมาส 2 โดยในปี 64 รัฐบาลยังคงเดินหน้ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ ซึ่งกระทรวงการคลังมีแผนที่ออกมาตรการคนละครึ่งเฟส 2 ในวันที่ 1 ม.ค.64 นอกจากนี้ ยังเน้นการเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงสนับสนุนและจะผลักดันในโครงการที่มีศักยภาพและสามารถเติบโตได้ในอนาคต เช่น ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับดิจิทัล ธุรกิจที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพ ขณะเดียวกัน กระทรวงการคลัง ยืนยัน มีความจำเป็นที่จะต้องกู้เงินเพื่อลงทุนในระยะต่อไป โดยรัฐบาลยืนยันจะทำด้วยความระวังและรอบคอบ
  • นายสมประวิณ มันประเสริฐ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานวิจัยและทีมวิจัยเศรษฐกิจ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า วิจัยกรุงศรีได้ปรับเพิ่มการเติบโตของเศรษฐกิจไทยปี 2563 ดีขึ้น เป็น -6.4% จากเดิมคาดว่า -10.3% หลังตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ออกมาดีกว่าที่คาดไว้ เนื่องจากการใช้จ่ายของภาครัฐเร่งตัวขึ้น และภาคการส่งออกดีกว่าคาด โดยคาดว่าส่งออกทั้งปีจะดีขึ้นเป็น -7.5% จากเดิมคาดว่าจะติดลบสูงถึง -12.5%

หุ้นเด่นวันนี้

  • JCK-W6 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ ของบมจ.เจซีเค อินเตอร์เนชั่นแนล (JCK)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน1,073,369,142 หน่วย ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาท/หน่วย อายุไม่เกิน 2 ปี อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ ต่อ 1 หุ้นใหม่ ที่ราคาใช้สิทธิหุ้นละ 2 บาท กำหนดใช้สิทธิครั้งแรกวันที่ 31 มี.ค.64 และใช้สิทธิครั้งสุดท้ายวันที่ 11 พ.ย.65
  • HANA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 46 บาท คาดกำไร Q4/63 โตดีสวนทางฤดูกาล +15% Q-Q จากคำสั่งซื้อที่สูงขึ้นทั้งกลุ่ม Smartphone และ Automotive รวมถึงได้ลูกค้าใหม่ทำให้ใช้กำลังการผลิตเกินกว่า 90% อีกทั้งกำลังการผลิตใหม่จะเข้ามาเสริมใน Q1/64 อีก 20% จากเดิมรองรับการเติบโต ส่วนปัจจัยถ่วงมีเพียงค่าเงินบาทที่แข็งค่า คาดกำไรปกติปี 2563-2564 โตแกร่ง +18% Y-Y และ +22% Y-Y
  • DTAC (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 64 บาท iPhone 12 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการในวันที่ 27 พ.ย.คาดหนุนยอดขายและค่าใช้บริการคลื่น DTAC เพิ่มขึ้น (ผูกสัญญารายเดือน) นอกจากนี้ DTAC ยังเป็นหุ้นจ่ายปันผลสูงสุดของกลุ่มให้ Dividend yield ประมาณ 7% ต่อปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ย. 63)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top