FETCO ชี้หุ้นร่วงเป็น Panic ระยะสั้น มั่นใจพื้นฐานไทยแข็งแกร่ง

FETCO ชี้หุ้นร่วงเหตุ นลท.กังวลปัจจัยระยะสั้นมากเกินไป มั่นใจพื้นฐานของไทยยังแข็งแกร่ง

นายไพบูลย์ นรินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) เปิดเผยว่า การปรับตัวลดลงค่อนข้างมากของดัชนีตลาดหุ้นไทย (SET Index) ในช่วงเช้านี้ ทำให้ดัชนีหลุดระดับ 1,500 จุดนั้น มาจากความกังวลของปัจจัยระยะสั้นที่ส่งผลกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทยในระสั้นตามไปด้วย

โดยเฉพาะปัจจัยการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 (COVID-19) ส่งผลกระทบต่อการส่งออก การท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอย และการใช้ชีวิตของประชาชนในประเทศ ซึ่งทำให้เกิดความกังวลของนักลงทุนที่ยังไม่มั่นใจในสถานการณ์

ขณะเดียวกัน การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่ส่งผลกระทบในประเทศจีนอย่างมาก ได้ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยค่อนข้างมากเช่นเดียวกัน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยพึ่งพิงจีนไม่ต่ำกว่า 10% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) เมื่อเศรษฐกิจจีนเกิดการชะงัก จึงกระทบมาถึงเศรษฐกิจไทยด้วย

และมีหลายสถานบันออกมาปรับลดคาดการณ์ GDP ของไทยในปีนี้เหลือต่ำกว่า 2% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่ค่อยได้เห็นมานานแล้ว จึงสร้างความกังวลให้กับนักลงทุนค่อนข้างมาก จึงเกิดแรงเทขายหุ้นออกมาค่อนข้างมากในวันนี้

“ภาวะตลาดหุ้นวันนี้ เป็นการสะท้อนปัจจัยระยะสั้นที่ไม่ได้มองถึงปัจจัยระยะยาวของไทย ซึ่งวันนี้เกิด Panic selling จากการที่คนมองว่าสถานการณ์ยังไม่ดีขึ้น ทำให้เขาตัดสินใจออกจากตลาดไปก่อนในช่วงนี้ แต่หลังจากนี้ ก็ดูความคืบหน้าและการที่ภาครัฐจะออกมาตรการมาสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุน” นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าว

นายไพบูลย์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่สำคัญที่สุดในการช่วยขับเคลื่อนตลาดทุนไทยจากภาครัฐ คือ การสร้างความเชื่อมั่นจากการออกมาสื่อสารความชัดเจนของแผนงานที่จะทำทั้งหมดในครั้งเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่จะทำให้นักลงทุนเห็นภาพในระยะยาวของประเทศไทยที่ชัดเจนมากขึ้น และมีความมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานระยะยาวของไทยที่ดีกว่าประเทศอื่นๆ รวมถึงการให้ความชัดเจนของการเบิกจ่ายเม็ดเงินงบประมาณ ทำให้นักลงทุนทราบถึงจำนวนเม็ดเงินที่จะเข้าสู่ระบบมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ภาครัฐจะต้องมีแผนสำรองไว้รองรับหากความไม่แน่นอนต่าง ๆ มีความยืดเยื้อ เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยง โดยมองว่าการสื่อสารจากภาครัฐเป็นสิ่งที่สำคัญมากในช่วงที่สถานการณ์มีความไม่แน่นอนและมีปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ เกิดขึ้น ทำให้ประชาชนและนักลงทุนมีความสับสนและเกิดความไม่มั่นใจ

ทั้งนี้ FETCO ได้รับความร่วมมือจากภาครัฐในการจัดกิจกรรมพบปะนักลงทุน ซึ่งจะมีการจัดกิจกรรมดังกล่าวค่อนข้างมากในช่วงนี้ตามประเด็นที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยมีรัฐมนตรีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในประเด็นที่สนใจเข้ามาพูดคุยให้ข้อมูลกับนักลงทุนในประเทศก่อน

และหากสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส โควิด-19 หายไปแล้ว จะมีการออกไปเดินสายให้ข้อมูลกับนักลงทุนต่างประเทศร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ เพื่อแสดงให้เห็นความชัดเจนในการเดินหน้าขับเคลื่อนเศษฐกิจไทย ทำให้นักลงทุนต่างชาติเห็นถึงพื้นฐานของเศรษฐกิจไทยในระยะยาว และมั่นใจในการลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น

ด้านมุมมองของการที่รัฐบาลจะใช้งบประมาณขาดดุลเพิ่มขึ้น มองว่าเป็นสิ่งที่ดีในภาวะที่เศรษฐกิจชะลอตัว การใช้งบประมาณขาดดุลจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นและพยุงเศรษฐกิจไทยได้ อีกทั้งในภาวะที่อัตราดอกเบี้ยต่ำ เป็นโอกาสที่รัฐบาลสามารถกู้เงินได้ในต้นทุนที่ถูก ซึ่งมีอัตราดอกเบี้ยพันธบัตรรัฐบาลระยะยาว 10 ปี อยู่ราว 1% ต่อปี ทำให้การลงทุนของภาครัฐมีต้นทุนที่ต่ำ ซึ่งมองว่ารัฐบาลควรใช้งบประมาณขาดดุลต่อเนื่องในปี 63-64 เพื่อเข้ามาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

นายไพบูลย์ กล่าวว่า ภายหลังที่ รมว.คลัง ได้พบนักวิเคราะห์ได้รับฟังแนวทางการแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ และแผนการใช้งบประมาณปี 63 มองว่านักลงทุนเริ่มมีความมั่นใจมากขึ้น ถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาผลกระทบการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ปัญหาภัยแล้ง และเริ่มเห็นระยะเวลาที่ชัดเจนของการเบิกจ่ายงบประมาณปี 63 ที่จะต้องเร่งออกมาภายในระยะเวลา 6 เดือน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ก.พ. 63)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top