รมว.คลัง คาดนักท่องเที่ยวต่างชาติฟื้นกลับไปเท่าเดิม 40 ล้านคน/ปีได้ในปี 67

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐิ รมว.คลัง ปาฐกถาพิเศษ “Thailand 2021 New game New normal” ว่า คาดว่าประเทศไทยจะใช้เวลา 4 ปีหรือภายในปี 67 ที่จำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจะฟื้นกลับมาเท่าเดิมที่ 40 ล้านคน/ปี โดยประเมินว่าปีหน้าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาราว 8 ล้านคน จากนั้นในช่วงปี 65-66 จะทยอยเพิ่มเป็น 16 ล้านคน และ 32 ล้านคนตามลำดับ

ขณะที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยในปี 64 กลับมาเติบโต 4-4.5% ส่วนหนึ่งมาจากการท่องเที่ยวที่เติบโตขึ้นจากี่คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาราว 8 ล้านคน และการต่ออายุมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านโครงการคนละครึ่งออกไปอีก 3 เดือน ส่วนโครงการเราเที่ยวด้วยกัน ที่ผ่านมาสามารถกระตุ้นการท่องเที่ยวในประเทศได้เพียงครึ่งเดียวหรือประมาณ 3% ก็จะมีการปรับเงื่อนไขในช่วงต่อไป

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวในประเทศคิดเป็น 6% ของผลผลิตมวลรวมในประเทศ (GDP) ส่วนการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวต่างประเทศคิดเป็น 12% ของ GDP

“ต้องรอให้กระทรวงการท่องเที่ยวและการกีฬาปรับเงื่อนไขโครงการเราเที่ยวด้วยกันและโครงการคนละครึ่ง ต้องติดตามไตรมาสต่อไตรมาส ดูว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งปีได้หรือไม่”

นายอาคม กล่าว

ขณะที่ความคืบหน้าของโครงการเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ (ซอฟต์โลน) ของกลุ่มธุรกิจสายการบินนั้น รมว.คลัง กล่าวว่า ขณะนี้รอสายการบินปรับตัวเลขและเสนอเข้ามาให้กระทรวงการคลังพิจารณาอีกครั้ง

นายอาคม กล่าวอีกว่า ในปีหน้า New Game New Normal จะทำให้เห็นการใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ทั้งในบริการทางการแพทย์ ธุรกิจออนไลน์ การเรียนรู้ทางไกล การท่องเที่ยว การเดินทาง ส่วนภาครัฐก็จะเห็นพัฒนาการของ Digital payment ซึ่งกระทรวงการคลังเกี่ยวข้องการรับจ่ายเงิน G to C ผ่านพร้อมเพย์ ตัวอย่างคือโครงการคนละครึ่ง ระยะแรกประชาชนไม่ค่อยสนใจเพราะยุ่งยาก แต่ระยะหลังก้ได้รับความนิยม ขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมกว่า 8 แสนร้านค้า ประชาชน 10 ล้านคน

นอกจากนี้โครงสร้างเศรษฐกิจต้องเปลี่ยน ซึ่งมี 10 new S-Curve และปรับการภาษีใหม่ เกี่ยวข้องกับผู้ประกอบการจำนวนมาก ได้แก่ การใช้เทคโนโลยีและดิจิทัล, Green business, Online Tax ซึ่งการออกกฎหมายมารองรับยังอยู่ในขั้นกรรมาธิการ ซึ่งถือเป็นเรื่องใหม่ ขณะที่ระบบนิเวศน์ทางการเงิน เป็นหน้าที่ของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (2 ธ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top