ดาวโจนส์ปิดลบ 68.30 จุด วิตกมาตรการเยียวยาโควิดถูกขวางในวุฒิสภา

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (29 ธ.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนของมาตรการเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐได้ขัดขวางการพิจารณาเพิ่มวงเงินในเช็คเงินสดเพื่อช่วยเหลือประชาชน นอกจากนี้ จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐยังทำให้นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับความล่าช้าในการเปิดเศรษฐกิจ

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,335.67 จุด ลดลง 68.30 จุด หรือ -0.22%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,727.04 จุด ลดลง 8.32 จุด หรือ -0.22%
  • ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,850.22 จุด ลดลง 49.20 จุด ลดลง -0.38%

นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์โนวาพอยท์ ในรัฐแอตแลนตา กล่าวว่า ในช่วงแรกนั้น ดัชนีดาวโจนส์ดีดตัวขึ้นขานรับข่าวประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามในกฎหมายว่าด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ แต่ดาวโจนส์อ่อนแรงลงในเวลาต่อมา หลังจากนายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐ ได้ขัดขวางการพิจารณาเพิ่มวงเงินในเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็น 2,000 ดอลลาร์ จากเดิม 600 ดอลลาร์

ทั้งนี้ ปธน.ทรัมป์ได้เรียกร้องให้สภาคองเกรสเพิ่มวงเงินในการจ่ายเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็นคนละ 2,000 ดอลลาร์ แทนที่จะเป็น 600 ดอลลาร์ ส่งผลให้สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐต้องจัดการประชุมเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และมีมติอนุมัติการเพิ่มวงเงินในเช็คเงินสดให้แก่ชาวอเมริกันเป็น 2,000 ดอลลาร์ ก่อนที่จะส่งเรื่องดังกล่าวเข้าสู่การพิจารณาของวุฒิสภา แต่ล่าสุดในขณะนี้ นายแมคคอนเนลได้ขัดขวางการพิจารณาเพิ่มวงเงินในเช็คดังกล่าว ซึ่งการจะผลักดันข้อเสนอดังกล่าวให้ผ่านขั้นตอนของวุฒิสภานั้น จะต้องได้รับคะแนนสนับสนุน 60 เสียง ซึ่งรวมถึงการได้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกรีพับลิกันมากกว่า 10 เสียง

นอกจากนี้ นักลงทุนยังวิตกกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนในการเปิดเศรษฐกิจของสหรัฐ หลังจากจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยข้อมูลล่าสุดของ Worldometer ระบุว่า สหรัฐมีผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 จำนวน 19,781,718 ราย และมีผู้เสียชีวิต 343,182 ราย โดยสหรัฐยังคงเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 มากที่สุดในโลก

หุ้น 9 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 0.71% ขณะที่หุ้นกลุ่มธุรกิจสุขภาพและกลุ่มสินค้าผู้บริโภคปรับตัวเพียงเล็กน้อย

หุ้นโบอิ้งปิดตลาดขยับขึ้น 0.74% หลังจากทะยานขึ้นกว่า 2% ในระหว่างวัน อันเนื่องมาจากข่าวที่ว่า สายการบินอเมริกัน แอร์ไลน์ได้นำเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX ขึ้นบินในเที่ยวบินเชิงพาณิชย์แล้วเมื่อวานนี้ หลังจากที่เครื่องบินรุ่นดังกล่าวถูกสั่งห้ามบินนานถึง 20 เดือน จากการที่เครื่องบิน 2 ลำของรุ่นดังกล่าวได้ประสบอุบัติเหตุในปี 2561 จนทำให้มีผู้เสียชีวิตรวม 346 คน

หุ้นสแนป อิงค์ (Snap Inc) ซึ่งเป็นเจ้าของแอป Snapchat พุ่งขึ้น 6.15% หลังจากนักวิเคราะห์ของโกลด์แมน แซคส์ ได้ปรับเพิ่มเป้าหมายราคาหุ้นสแนป เนื่องจากรายได้ของบริษัทมีแนวโน้มเติบโตอย่างแข็งแกร่ง

หุ้นอาลีบาบา กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นนิวยอร์ก ปิดพุ่งขึ้น 6.25% เนื่องจากนักลงทุนเข้าช้อนซื้อหลังราคาหุ้นอาลีบาบาดิ่งลงอย่างหนักในช่วงก่อนหน้านี้ อันเป็นผลมาจากข่าวรัฐบาลจีนดำเนินการสอบสวนบริษัทอาลีบาบาในข้อหาผูกขาดตลาด

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ผลสำรวจของเอสแอนด์พี คอร์โลจิก เคส ชิลเลอร์ ระบุว่า ดัชนีราคาบ้านทั่วประเทศในสหรัฐพุ่งขึ้น 8.4% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันในปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการปรับตัวขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2557 โดยราคาบ้านได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ที่แข็งแกร่งของผู้ซื้อบ้าน, สต็อกบ้านที่ตึงตัว และอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ระดับต่ำ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) เขตชิคาโกเดือนธ.ค., ยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ย. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ธ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top