ดาวโจนส์ปิดบวก 73.89 จุด ขานรับแนวโน้มศก.ฟื้นตัวปีหน้า

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ธ.ค.) แตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้นในปีหน้า หลังจากที่มีการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และมีความหวังว่ารัฐบาลสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลังมากขึ้น

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 30,409.56 จุด เพิ่มขึ้น 73.89 จุด หรือ +0.24%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,732.04 จุด เพิ่มขึ้น 5 จุด หรือ +0.13%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 12,870.00 จุด เพิ่มขึ้น 19.78 จุด หรือ +0.15%

นักลงทุนขานรับการฉีดวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และตลาดยังได้แรงหนุนจากข่าวที่ว่า อังกฤษได้อนุมัติการใช้วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ของแอสตร้าเซนเนก้าที่พัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ดแล้ว และจะเริ่มฉีดให้ประชาชนในวันจันทร์ที่จะถึงนี้

นอกจากนี้ ตลาดยังคงได้แรงหนุนจากการที่สภาผู้แทนราษฏรสหรัฐมีมติอนุมัติการเพิ่มวงเงินในเช็คเงินสดเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 เป็น 2,000 ดอลลาร์ จากเดิม 600 ดอลลาร์ แม้นายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาสหรัฐจากพรรครีพับลิกัน ได้ขัดขวางการพิจารณาเพิ่มวงเงินในเช็คเงินสดดังกล่าวก็ตาม

หุ้นกลุ่มที่จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจปรับตัวขึ้น โดยกลุ่มธนาคาร, พลังงาน และวัสดุ บวกขึ้นนำตลาด

แต่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง เนื่องจากนักลงทุนขายหุ้นกลุ่มนี้เพื่อเข้าซื้อหุ้นที่ปรับตัวตามภาวะเศรษฐกิจ

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มพลังงานและวัสดุปรับตัวขึ้นมากที่สุด

หุ้นมาสเตอร์การ์ด พุ่ง 2.56% หลังบริษัทสตีเฟนส์ปรับเพิ่มราคาเป้าหมายของหุ้นมาสเตอร์การ์ดจากความหวังเกี่ยวกับความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างประเทศที่ปรับตัวดีขึ้น

หุ้นเทสลา พุ่ง 4.32% หลังเวดบุชและเครดิต สวิสคาดว่า เทสลาจะส่งมอบรถยนต์ได้มากกว่า 180,000 คันในไตรมาส 4/2563 และมากกว่า 500,000 คันในปีนี้

ปริมาณการซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างซบเซา เนื่องจากนักลงทุนชะลอการซื้อขายในช่วงสิ้นปี

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่เปิดเผยเมื่อคืนนี้ สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) รายงานว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 2.6% ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าดัชนีจะทรงตัวในเดือนพ.ย. โดยดัชนีปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน โดยได้รับผลกระทบจากราคาบ้านที่พุ่งขึ้น แม้ว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองอยู่ในระดับต่ำ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ธ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top