ทองคำนิวยอร์กปิดบวก $10.5 จากแรงซื้อรับอานิสงส์ดอลล์อ่อนค่า

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (30 ธ.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่เงินดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงติดต่อกันเป็นวันที่ 2 ซึ่งได้เพิ่มความน่าดึงดูดของทอง โดยทำให้สัญญาทองมีราคาถูกลงสำหรับผู้ถือครองเงินสกุลอื่น โดยดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ลดลงเมื่อคืนนี้ 0.36% สู่ระดับ 89.6700

  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 10.5 ดอลลาร์ หรือ 0.56% ปิดที่ 1,893.4 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาโลหะเงินส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 35.6 เซนต์ หรือ 1.36% ปิดที่ 26.573 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพลาตินัมส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 15.9 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 1,078.5 ดอลลาร์/ออนซ์
  • สัญญาพัลลาเดียมส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 34.10 ดอลลาร์ หรือ 1.5% ปิดที่ 2,378.40 ดอลลาร์/ออนซ์

สัญญาทองคำได้แรงหนุนหลังดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี ขณะที่นักลงทุนเทขายดอลลาร์ซึ่งเป็นสกุลเงินปลอดภัย เนื่องจากคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นในปีหน้า จากการที่ชาวอเมริกันได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในวงกว้าง

นอกจากนี้ ราคาทองยังได้รับแรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนานใหญ่ หลังเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 ม.ค. 2564

นักลงทุนจะจับตาการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภารอบสองในรัฐจอร์เจียในวันที่ 5 ม.ค. 2564 ซึ่งจะตัดสินว่าพรรคเดโมแครตหรือรีพับลิกันจะได้ครองเสียงข้างมากในวุฒิสภา ซึ่งหากพรรคเดโมแครตชนะการเลือกตั้ง ก็จะทำให้พรรคเดโมแครตครองอำนาจเบ็ดเสร็จในทำเนียบขาว ในวุฒิสภา และในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งจะเอื้อต่อการผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ โดยยอดขาดดุลการค้าของสหรัฐเพิ่มขึ้น 5.5% สู่ 8.48 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ส่วนดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของชิคาโก เพิ่มขึ้นสู่ 59.5 ในเดือนธ.ค. จาก 58.2 ในเดือนพ.ย.

ด้านสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ดัชนีการทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) ลดลง 2.6% สู่ระดับ 125.7 ในเดือนพ.ย. เมื่อเทียบรายเดือน โดยลดลงเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดไว้ว่าดัชนีจะทรงตัวในเดือนพ.ย.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (31 ธ.ค. 63)

Tags: , , , ,
Back to Top