เงินบาทเปิด 31.55 ต่อดอลล์ แนวโน้มอ่อนค่า กังวลโควิด-19 ระบาดรุนแรง

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 31.55 บาท/ดอลลาร์ จากปิดตลาดเย็นวานนี้ที่ระดับ 31.52/57 บาท/ดอลลาร์ และ เมื่อเวลา 08.40 น.บาทอ่อนค่ามาอยู่ที่ 31.59 บาท/ดอลลาร์ เนื่องจากค่าเงินในตลาดเกิดใหม่ได้รับแรงกดดันจากความกังวลต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกประเทศจีนที่ทวีความรุนแรงต่อเนื่อง

“บาทมีแนวโน้มอ่อนค่าจากเย็นวานนี้ เนื่องจากความกังวลเรื่องการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 นอกประเทศจีนมีความรุนแรงมากขึ้น” นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 31.50 – 31.65 บาท/ดอลลาร์
THAI BAHT FIX 3M (5 มี.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.71085% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.73028%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ 106.11 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 106.70 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ 1.1227 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1150 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 31.4640 บาท/ดอลลาร์
  • รัฐบาลอังกฤษออกแถลงการณ์ยืนยันว่า พบผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) รายแรกในอังกฤษ ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศขณะนี้พุ่งขึ้นเป็น 115 ราย
  • กระทรวงสาธารณสุขแอฟริกาใต้แถลงว่า มีการพบผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสโควิด-19 เป็นรายแรกของประเทศ
  • กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลง 3,000 ราย สู่ระดับ 216,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 215,000 ราย ส่วนตัวเลขค่าเฉลี่ย 4 สัปดาห์ของจำนวนชาวอเมริกันที่ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก ซึ่งถือเป็นมาตรวัดตลาดแรงงานที่ดีกว่า เนื่องจากขจัดความผันผวนรายสัปดาห์ เพิ่มขึ้น 3,250 ราย สู่ระดับ 213,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐลดลง 0.5% ในเดือนม.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลงเพียง 0.1% หลังจากเพิ่มขึ้น 1.9% ในเดือนธ.ค. โดยการร่วงลงของคำสั่งซื้อภาคโรงงานได้รับผลกระทบจากการดิ่งลงในภาคขนส่ง
  • ดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.)โดยได้รับแรงกดดันจากกระแสคาดการณ์ที่ว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกรอบในการประชุมวันที่ 17-18 มี.ค. หลังจากที่เพิ่งปรับลดอัตราดอกเบี้ยฉุกเฉิน 0.50% เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันนี้
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 1 สัปดาห์เมื่อคืนนี้ (5 มี.ค.) โดยได้แรงหนุนจากการที่นักลงทุนแห่ซื้อสินทรัพย์ปลอดภัย หลังจากตลาดหุ้นสหรัฐและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐร่วงลงอย่างหนัก นอกจากนี้ สกุลเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่ายังช่วยให้สัญญาทองคำมีความน่าดึงดูดเพิ่มขึ้นด้วย
  • นักลงทุนในตลาดการเงินจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.พ.ของสหรัฐ ซึ่งกระทรวงแรงงานสหรัฐมีกำหนดเปิดเผยในคืนนี้ ขณะเดียวกันทางการสหรัฐยังเตรียมประกาศยอดนำเข้า ส่งออก และดุลการค้าเดือนม.ค. เช่นเดียวกัน
  • ราชกิจจาฯ ลงประกาศ สธ.ให้ “เกาหลี-จีน-อิตาลี-อิหร่าน” เป็นท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็น “เขตติดโรคติดต่ออันตราย” กรณี “โควิด-19” รวม “ฮ่องกง-มาเก๊า” ด้วย พบผู้ป่วยโควิด-19 ใหม่ 4 ราย ไทย 2 – ต่างชาติ 2 เดินทางมาจากอิตาลี – อิหร่าน
  • พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการรัฐมนตรีเศรษฐกิจ (ครม.เศรษฐกิจ) โดยจะมีการพิจารณามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา-19
  • ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และโฆษกกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า มั่นใจว่าการเสนอชุดมาตรการดูแลและเยียวยาผลกระทบไวรัสโควิด-19 ชุดที่ 1 วงเงินหลายแสนล้านบาทให้ ครม. เศรษฐกิจพิจารณาวันที่ 6 มี.ค. 63 จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นต่อระบบเศรษฐกิจ และลดผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโควิดได้ โดยจะมีการเสนอมาตรการไปเป็น 10 ด้านและมีขนาดใหญ่เพียงพอต่อการดูแลเศรษฐกิจและขอให้มั่นใจว่ารัฐเอาอยู่
  • บริษัท ศูนย์วิจัยกสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ได้ปรับประมาณการอัตราขยายตัวทางเศรษฐกิจไทย หรือจีดีพีในปีนี้เหลือเติบโตเพียง 0.5% จากเดิมคาด 2.7% เนื่องจากไวรัสโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบหนักสุดที่ภาคการท่องเที่ยวไทย คาดว่ารายได้ของนักท่องเที่ยวต่างชาติจะหายไป 4.1 แสนล้านบาท คิดเป็น 8.3 ล้านคน หรือหดตัวติดลบ 20.8% จากปีก่อนเช่นเดียวกับการส่งออกไทยที่จะติดลบ 5.6% เพราะการแพร่ระบาดขยายวงกว้างมากขึ้นส่งผลให้เศรษฐกิจโลกชะลอ และความต้องการสินค้าส่งออกไทยลดลง
  • ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.อยู่ระหว่างพิจารณาการจัดงานเทศกาลมหาสงกรานต์ประจำปี 63 ว่า จะสามารถจัดงานใหญ่ขึ้นได้หรือไม่ โดยขอประเมินสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 อย่างต่อเนื่องไปก่อนว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร แต่เบื้องต้นททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ก็มีความพร้อมจัดงานขึ้นในบางพื้นที่โดยหากสามารถจัดงานขึ้นมาได้ ก็อาจลดขนาดลงมาเป็นงานส่งเสริมวัฒนธรรม และมีการรดน้ำดำหัวตามประเพณี โดยที่ไม่ได้จัดให้มีขนาดใหญ่เหมือนปีก่อนๆ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 มี.ค. 63)

Tags: , , ,
Back to Top