ก.ล.ต.เผยยอดโครงการ Regulatory Guillotine ใน Q2/64 สำเร็จแล้ว 37 โครงการย่อย

น.ส.รื่นวดี สุวรรณมงคล เลขาธิการ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ตามที่ ก.ล.ต.ได้ดำเนินโครงการ Regulatory Guillotine โดยมีจุดมุ่งหมายสำคัญเพื่อลดขั้นตอน กระบวนการและเอกสารที่ต้องยื่นต่อ ก.ล.ต. รวมทั้งทบทวนกฎเกณฑ์ให้มีเท่าที่จำเป็นและสอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยยกระดับความสามารถในการแข่งขันของภาคธุรกิจ ลดต้นทุนดำเนินการของภาคเอกชนและลดภาระของภาคเอกชนและประชาชน สอดรับกับหลักการตามมาตรา 77 แห่งรัฐธรรมนูญ ระยะดำเนินการในช่วงปี 2563-2565 โดยทยอยดำเนินการให้แล้วเสร็จ รวมทั้งสิ้น 87 โครงการย่อย

ตั้งแต่เริ่มต้นโครงการเมื่อปี 2563 จนถึงสิ้นไตรมาส 2/2564 ก.ล.ต. สามารถดำเนินโครงการ Regulatory Guillotine ได้สำเร็จตามเป้าหมายแล้ว เป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 37 โครงการย่อย ซึ่งช่วยลดภาระและต้นทุนการดำเนินการของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้แล้ว 209.20 ล้านบาทต่อปี ลดระยะเวลาดำเนินการได้ 101,977 ชั่วโมงต่อปี และลดจำนวนกระดาษได้ 1,727,638 แผ่นต่อปี

ทั้งนี้ 37 โครงการย่อยที่ดำเนินการเสร็จแล้ว ประกอบด้วยโครงการด้านธุรกิจตัวกลางและตลาด 8 โครงการ ด้านธุรกิจจัดการลงทุน 14 โครงการ ด้านการระดมทุน 11 โครงการ ด้านการกำกับการสอบบัญชีและรายงานทางการเงิน 3 โครงการ และด้านเทคโนโลยีดิจิทัลและประสิทธิภาพองค์กร 1 โครงการ โดยโครงการที่สำเร็จเพิ่มเติมในช่วงไตรมาส 2 ปี 2564 มี 16 โครงการย่อย เช่น

1. ปรับปรุงกระบวนการ ช่องทางการจัดส่งและเอกสารเกี่ยวกับการออกและเสนอขายหลักทรัพย์ ที่ต้องจัดส่งให้ ก.ล.ต. ให้สอดคล้องกับสภาวการณ์ปัจจุบัน

2. ปรับปรุงหลักเกณฑ์การออกและเสนอขายตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ (DR) เพื่อลดภาระต้นทุนของภาคเอกชน

3. ปรับปรุงหลักเกณฑ์ของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และทรัสต์เพื่อการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน ให้สอดคล้องกัน

4. ยกเลิกประกาศเกี่ยวกับโครงการทดสอบนวัตกรรมในกระบวนการรวบรวมและประเมินข้อมูลของลูกค้า (KYC Regulatory Sandbox) ที่ไม่สอดคล้องกับสภาวการณ์ในปัจจุบัน

5. ยกเลิกการจัดส่งข้อมูลบางประเภทจากบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทจัดการมายัง ก.ล.ต. เพื่อลดภาระต้นทุนของผู้ประกอบธุรกิจ

“ในปัจจุบันมีโครงการที่อยู่ภายใต้การดำเนินการทั้งสิ้น 87 โครงการย่อย ซึ่งจากการประเมินในเบื้องต้นคาดว่า หากแล้วเสร็จครบทุกโครงการ จะช่วยลดภาระและต้นทุนการดำเนินการของภาคเอกชนที่เกี่ยวข้องได้มากกว่า 230 ล้านบาทต่อปี ลดระยะเวลาดำเนินการได้มากกว่า 1.68 แสนชั่วโมงต่อปี และลดจำนวนกระดาษได้มากกว่า 2 ล้านแผ่นต่อปี”

น.ส.รื่นวดี กล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ก.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top