หุ้นไทยแนวโน้มเช้าแกว่งไซด์เวย์ซึม หวั่นขยายล็อกดาวน์หลังโควิดยังระบาดหนัก

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์-ซึมหลังสัปดาห์นี้เปิดทำการแค่ 3 วัน และยังรับแรงกดดันโควิดระบาดหนักหวั่นขยายล็อกดาวน์ แต่มีปัจจัยบวกจากศบค.เล็งให้ร้านอาหารในห้างเปิดขายออนไลน์ได้-ฟื้น “ช้อปดีมีคืน” กระตุ้นกำลังซื้อ ด้านตลาดภูมิภาคเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งบวก-ลบเผชิญแรงกดดันโควิดหลายประเทศยังต้องใช้มาตรการคุมเข้มไปจนถึงล็อกดาวน์ พร้อมให้แนวรับ 1,540-1,532 แนวต้าน 1,550-1,557 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าแกว่งไซด์เวย์ลักษณะซึมตัว เนื่องจากสัปดาห์นี้จะมีวันทำการซื้อขายเพียง 3 วัน ทำให้การซื้อขายคงไม่คึกคัก และยังได้รับแรงกดดันจากจำนวนผู้ติดเชื้อยังสูงถึง 1.4-1.5 หมื่นรายต่อวัน จึงมีโอกาสที่ภาครัฐจะขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์ออกไป

อย่างไรก็ดี ตลาดบ้านเรายังอาจจะมีแรงหนุนจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) เตรียมพิจารณาให้ร้านอาหารในห้างสรรพสินค้าสามารถเปิดขายแบบเดลิเวอรี่ได้ ซึ่งจะเป็นผลดีต่อผู้ประกอบการร้านค้าปลีก และอาจพิจารณานำโครงการช้อปดีมีคืนกลับมาใช้อีกครั้งเพื่อกระตุ้นกำลังซื้อในประเทศ หลังจากที่โครงการ “คนละครึ่ง” และ “ยิ่งใช้ยิ่งได้” ดูจะไม่เวิร์กเท่าไร เพราะมีการล็อกดาวน์ทำให้ออกไปใช้จ่ายไม่ได้

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้แกว่งไซด์เวย์ทั้งในแดนบวก-ลบ เนื่องจากยังเผชิญแรงกดดันจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ในหลายประเทศที่ต้องใช้มาตรการคุมเข้ม รวมถึงการล็อกดาวน์ด้วย

สัปดาห์นี้ให้ติดตามการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนต่อไป ซึ่งสัปดาห์นี้ก็จะมีงบฯของ PTTEP, SCC และติดตามการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ โดยต้องจับตาทิศทางอัตราดอกเบี้ย และการปรับลด QE จะมีหรือไม่

พร้อมให้แนวรับ 1,540-1,532 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550-1,557 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (26 ก.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,144.31 จุด เพิ่มขึ้น 82.76 จุด (+ 0.24%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,422.30 จุด เพิ่มขึ้น 10.51 จุด (+0.24%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,840.71 จุด เพิ่มขึ้น 3.72 จุด (+0.03%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน เพิ่มขึ้น 0.01 จุด, ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 78.64 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 180.81 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (23 ก.ค.) 1,545.10 จุด ลดลง 7.26 จุด (-0.47%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 2,118.70 ล้านบาท เมื่อวันที่ 23 ก.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ส.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (26 ก.ค.) ปิด 71.91 ดอลลาร์/บาร์เรล ลดลง 16 เซนต์ หรือ 0.2%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (26 ก.ค.) อยู่ที่ 3.23 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 32.86 แข็งค่าตามทิศทางตลาดโลก หลังดอลลาร์อ่อนค่าตลาดรอผลประชุมเฟด
  • “สุพัฒน์พงษ์” นัดถกบอร์ดอีวีแห่งชาติสัปดาห์นี้ เร่งแผนดันไทยเป็นฐานการผลิตและการสร้างแรงจูงใจในการใช้รถยนต์ไฟฟ้าในไทย “สรรพามิต” เร่งคลอดมาตรการภาษีหนุนอีวีภายในปี 64 ยืนยันไม่กระทบรถกระบะ
  • นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดเผยว่า ททท.ยังคงติดตามสถานการณ์ท่องเที่ยวในปี 64 อย่างใกล้ชิด และยังมีความกังวล หากสถานการณ์ของไวรัสโควิด-19 ยังคงระบาดหนัก และถ้าไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ให้จบลงโดยเร็ว จนต้องตัดสินใจขยายเวลาการล็อกดาวน์ยาวถึง 3 เดือน จะส่งผล กระทบต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยต้องเผชิญกับจุดต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ มีรายได้รวมจากการท่องเที่ยวทั้งปีเพียง 3.5-4.05 แสนล้านบาท ลดลง 50-56% จากปีก่อนหน้าที่มีรายได้ 8.15 แสนล้านบาท
  • ศูนย์วิจัยกรุงไทย คอมพาส ระบุ ยังต้องจับตาการผลิตและส่งออกในระยะต่อไป หลังไทยต้องประสบปัญหาการระบาดคลัสเตอร์โรงงานในหลายพื้นที่และแพร่กระจายไปหลากหลายประเภทอุตสาหกรรม ซึ่งกระทบต่อการผลิตและการส่งมอบสินค้า และต่อเนื่องไปยังส่วนอื่นๆ โดยยังต้องติดตามการส่งออกไปยังฝั่งอาเซียนหลังโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้า ระบาดอย่างรุนแรงและยากต่อการควบคุม ซึ่งอาจส่งผลต่อเนื่องถึงการส่งออกสินค้าของไทยที่มีส่วนแบ่งมูลค่าตลาดในกลุ่มอาเซียน 9 ประเทศสูงถึง 1 ใน 4 ของมูลค่าการส่งออกไปตลาดโลกปี 62
  • ศูนย์วิจัยกสิกรไทย เปิดเผยว่า ได้ประเมินธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่จะประชุมกันวันที่ 27-28 ก.ค.นี้ จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 0.0-0.25% ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อไทย หากเฟดส่งสัญญาณถอนนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายเร็วกว่าตลาดคาดส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งส่งผลให้อัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลไทยและต้นทุนการกู้ยืมนั้นปรับสูงขึ้นตามไปด้วย
  • ศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า ดัชนีราคาที่ดินเปล่าก่อนการพัฒนาในกรุงเทพฯ-ปริมณฑลไตรมาส 2/64 มีค่าเท่ากับ 332.8 จุด เพิ่มขึ้นเพียง 2% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 7.8% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัว หากเทียบอัตราขยายตัวย้อนหลังไป 5 ปี ตั้งแต่ปี 59-63 ที่พบว่าราคาที่ดินเปล่าในแต่ละไตรมาสเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 17.7% ต่อไตรมาสเมื่อเทียบกันปีต่อปี

หุ้นเด่นวันนี้

  • CKP (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 6.5 บาท คาดกำไรสุทธิ Q2/64 แตะระดับสูงสุดใหม่ที่ 931 ลบ. เทียบกับขาดทุนสุทธิ 95 ลบ. ใน Q2/63 ส่วน Q3/64 คาดกำไรสุทธิจะเร่งตัวขึ้นอีกจาก High season และการระบายน้ำจากประเทศจีนที่เพิ่มขึ้น
  • TTA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 18 บาท คาดกำไร Q2/64 +19% Q-Q และพลิกจากขาดทุนใน Q2/63 จากทุกธุรกิจที่ฟื้นตัวโดยเฉพาะเรือเทกองที่ได้อานิสงส์จากค่าระวางที่ขึ้น ธุรกิจ Off-Shore ที่ฟื้นตัว และธุรกิจปุ๋ยในเวียดนามที่เข้า High Season แนวโน้มกำไร Q3/64 คาดยังเร่งตัวจากค่าระวางที่ยังสูง และทำให้ประมาณกำไรปี 2564 ที่คาด 927 ลบ.พลิกจากขาดทุนปีก่อนอาจมี Upside 10-15%
  • HTECH (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 7.40 บาท ตัวเลขส่งออกสินค้ากลุ่มอิเล็กทรอนิกส์โตต่อเนื่องสะท้อน Demand โลกที่ฟื้นตัวบริษัทได้ประโยชน์เต็มที่ หนุนด้วยค่าเงินบาทที่อ่อนค่า อีกทั้งรอรับงานยานยนต์ EV โดยบริษัทมีเครื่องจักรและทักษะในการรับงานตัดชิ้นส่วนที่อาศัยความชำนาญและแม่นยำสูง คาดมาร์จิ้นดี โดยรายได้ยังมี Upside จากการขยายกำลังการผลิตที่อเมริกาและเวียดนาม ส่วนเป้าปี 2564 ผู้บริหารมองโตอย่างน้อย 7%YoY

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ก.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top