บลจ.ทหารไทย ชูหุ้นเทคจีนขนาดเล็กเชื่อโตสวนตลาดหลังจีนคุมเข้มกลุ่มเทคฯ

นายบดินทร์ พุทธอินทร์ ผู้อำนวยการฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บลจ.ทหารไทย (TMBAM Eastspring) กล่าวว่า ผลกระทบจากการควบคุมจากรัฐบาลจีนล่าสุดโดยเฉพาะด้านกฎระเบียบการผูกขาดตลาด ทำให้ตลาดหุ้นจีนมีการปรับฐานลงหนักในช่วงนี้

โดยพบว่าดัชนีที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ Hang Seng Tech ซึ่งเป็นดัชนีที่รวมหุ้นเทคโนโลยียักษ์ใหญ่กว่า 30 บริษัท ในตลาดหุ้นฮ่องกง เช่น Tencent, Alibaba, JD.com และนอกจากนั้นยังพบว่าหลายบริษัทที่จดทะเบียนอยู่ใน Hang Seng Tech ถูกนับรวมอยู่ในดัชนี H-Shares และ MSCI China ส่งผลให้ 3 ดัชนีนี้ปรับตัวลงแรงเช่นกัน ทำให้ทั้ง 3 ตลาดหุ้นข้างต้น ล้วนได้รับผลกระทบจากการกำกับดูแลของรัฐบาลจีนที่ออกกฎระเบียบควบคุมในด้านต่างๆ รวมถึงประเด็นสงครามทางเทคโนโลยี (Tech War) กับทางสหรัฐฯที่พยายามสกัดกั้นเทคโนโลยีจากทางจีนและยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง สิ่งที่น่าสนใจจากผลกระทบเหล่านี้คือ การสร้างโอกาสการลงทุนจากหุ้นจีน โดยเฉพาะในตลาดหุ้นนวัตกรรมเทคโนโลยีจีนที่เป็นหุ้นขนาดเล็ก-กลาง นั้นแต่มีโอกาสเติบโตสูง ซึ่งก็คือ STAR Market หรือ ดัชนี SSE STAR 50

สำหรับดัชนี SSE STAR 50 นั้น เป็นดัชนีที่เน้นเรื่องวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยดัชนีนี้จะเป็นการรวมบริษัทเทคโนโลยีของจีนคล้ายกับตลาดหุ้น NASDAQ ของสหรัฐฯ พบว่าในช่วงที่ผ่านมาดัชนีนี้สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางดัชนีหลัก และดัชนี SSE STAR 50 กำลังใกล้จะทำสถิติจุดสูงสุดใหม่นับตั้งแต่มีการซื้อขายในช่วงเดือนก.ค. 63 เนื่องจากบริษัทเหล่านี้ส่วนใหญ่เป็นบริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก จึงทำให้ได้รับผลกระทบจากเรื่องกฎระเบียบด้านการผูกขาดน้อย และในทางตรงกันข้าม เราจะพบว่าบริษัทเหล่านี้ยังได้รับการสนับสนุนและการส่งเสริมจากทางภาครัฐจากแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 14 ที่เน้นเรื่องการวิจัยและพัฒนาอีกด้วย และโดยมากบริษัทเหล่านี้มีรายได้หลักอยู่ในประเทศจีน ทำให้ประเด็นสงครามเทคโนโลยีที่ถูกกดดันจากทางสหรัฐฯไม่ได้มีผลต่อบริษัทในดัชนีเหล่านี้มากนัก จึงส่งผลให้ดัชนีนี้ปรับตัวต่อสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้ดี

เมื่อเดือนมิ.ย.ที่ผ่านมา TMBAM Eastspring ได้ออกกองทุน TMB EASTSPRING STAR50 Chinese Technology หรือ TMB-ES-STARTECH โดยกองทุนเน้นลงทุนในหน่วยลงทุนของกองทุน KraneShares SSE STAR Market 50 Index ETF ซึ่งเป็นกองทุนหลักเพียงกองทุนเดียว โดยกองทุนหลักจะลงทุนใน Shanghai Stock Exchange (SSE) Science and Technology Innovation Board 50 Index หรือ STAR50 โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงวันที่ 28 ก.ค. 64 ดัชนีSSE STAR 50 สามารถสร้างผลตอบแทนไปแล้วถึง 9.31% ซึ่งสวนทางการกับกองทุนหุ้นเทคโนโลยีจีนกองทุนอื่นๆที่ปรับลดลงในช่วงนี้

โดยทีมกลยุทธ์การลงทุนเชื่อว่ากองทุนนี้จะยังได้รับแรงหนุนต่อ ทั้งจากแรงหนุนจากรัฐบาล และการหลุดรอดพ้นจากการกำกับดูแลหุ้นเทคขนาดใหญ่จากรัฐบาลจีนนั่นเองแต่ด้วยลักษณะความเป็นบริษัทกลาง-เล็กและเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยี ทีมกลยุทธ์การลงทุนจึงแนะนำสัดส่วนไม่เกิน 10% ของพอร์ตการลงทุน

สำหรับผู้ที่ลงทุนในกองทุนหุ้นจีนกองทุนอื่นๆนับตั้งแต่ช่วงเดือนก.พ.ที่ผ่านมา อาจมีความรู้สึกสั่นคลอนพอสมควร เพราะตลาดหุ้นจีนเริ่มเผชิญกับความผันผวนจากปัจจัยที่เข้ามากระทบในหลายด้าน ทั้งเรื่องของนโยบายการเงินที่ทางธนาคารกลางจีนเริ่มลดสภาพคล่องในการอัดฉีดเข้าสู่ระบบ และปัจจัยสงครามเทคโนโลยีที่ทางสหรัฐฯมีการเพิ่มรายชื่อการแบนบริษัทเทคโนโลยีจากจีน แต่ปัจจุบันสิ่งที่เป็นปัจจัยสำคัญ คือ การควบคุมจากทางรัฐบาลจีนนั่นเอง

“ปัจจัยร้อนแรงและกระทบการลงทุนในตลาดหุ้นจีนมากที่สุดในตอนนี้ คือ การควบคุมและการออกกฎระเบียบจากรัฐบาลจีน ซึ่งในปีนี้หลายบริษัทได้รับผลกระทบจากการออกกฎระเบียบจากรัฐบาลจีน ทั้งด้านการผูกขาดทางการค้า ด้านกฎเกณฑ์การทำธุรกิจ และด้านการควบคุมการนำข้อมูลผู้บริโภคไปใช้”นายบดินทร์ กล่าว

การควบคุมจากทางรัฐบาลจีน เริ่มตั้งแต่ Ant Group บริษัทในเครือ Alibaba ถูกยับยั้งจากรัฐบาลจีนเพียงไม่กี่วันก่อนที่จะมีการเปิดการซื้อขายวันแรก (IPO) เพื่อให้ทาง Ant Group กลับไปปรับปรุงโครงสร้างการทำงานต่างๆให้ทำตามกฎระเบียบด้านธุรกิจสถาบันการเงินเหมือนสถาบันการเงินอื่น

หลังจากนั้นไม่นานมานี้ Didi Chuxing ผู้ให้บริการเรียกรถโดยสารที่ใหญ่ที่สุดในจีน ถูกรัฐบาลจีนสั่งให้ถอดแอพลิเคชั่นออกจากแพลตฟอร์มการดาวน์โหลดทั้ง App Store และ Google Play โดยรัฐให้ความเห็นว่าแอพลิเคชั่นมีความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้ ซึ่งล่าสุดทางรับบาลจีนอาจถึงขั้นให้ Didi Chuxing เพิกถอนการจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯอีกด้วย และ Tencent บริษัทเทคยักษ์ใหญ่จากจีน ก็มีประเด็นที่ถูกรัฐบาลจีน ปรับเงิน และยกเลิกการผูกขาดในลิขสิทธิ์เพลง เนื่องจากมองว่าเป็นการผูกขาดทางการตลาดอย่างหนึ่ง

สำหรับประเด็นร้อนแรงล่าสุด คือ กลุ่มติวเตอร์ออนไลน์ที่ถูกรัฐบาลจีน เริ่มเข้ามาควบคุมและออกกฎต่างๆ อย่างเข้มงวดมากขึ้น ตั้งแต่จำกัดชั่วโมงการเรียน และล่าสุดถูกจัดให้เป็นองค์ไม่แสวงหากำไร ส่งผลให้หุ้นกลุ่มดังกล่าวปรับตัวลงไปประมาณ 90% จากจุดสูงสุด ซึ่งประเด็นนี้เองกำลังสร้างความกังวลให้นักลงทุนว่ามามีการขยายการควบคุมไปยังกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นด้วยหรือไม่

โดยผู้ที่ลงทุนกองทุนหุ้นจีน ของ TMBAM Eastspring และ Thanachart Fund Estspring ทั้ง TMB-ES-CHINA-A และ T-ES-CHINA-A ปัจจุบันไม่ได้มีการลงทุนในกลุ่มติวเตอร์ออนไลน์ เนื่องจากกองทุนนี้เน้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภค กลุ่มการแพทย์ และกลุ่มการเงิน ขณะที่กลุ่มเทคโนโลยีนั้นมีไม่ถึง 5% แต่อาจยังมีความเสี่ยงเรื่องของกฎหมายป้องกันการผูกขาดซึ่งต้องติดตามต่อไป ซึ่งสำหรับนักลงทุนในระยะสั้นอาจต้องรอความชัดเจนจากนโยบายของรัฐบาลจีน แต่ในระยะยาวยังคงมองว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ในประเทศจีนยังคงเติบโตได้ดีและน่าสนใจในระยะยาว

ส่วนของกองทุน TMBCOF ที่ลงทุนในกองทุนหลัก UBS (Lux) Equity Fund – China Opportunity มีสัดส่วนของการลงทุน ณ สิ้นเดือนมิถุนายน ในกลุ่มติวเตอร์ออนไลน์อย่าง TAL เพียงแค่ 1.6% เท่านั้น ซึ่งสำหรับนักลงทุนในระยะสั้นอาจต้องติดตามว่ากลุ่มอุตสาหกรรมอื่นจะถูกทางการจีนกำกับเพิ่มเติมหรือไม่ แต่สำหรับนักลงทุนระยะกลางถึงยาวอาจใช้โอกาสในการปรับฐาน ในการเข้าทยอยลงทุน เนื่องจากรายได้และกำไรยังคงมีการเติบโตในระดับที่น่าสนใจ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (30 ก.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top