CPW เผยรายได้-กำไร Q2/64 โตตามดีมานด์สินค้าไอทีหนุน,มั่นใจทั้งปีโต 20%

นายปรเมศร์ เหรียญเจริญสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.คอปเปอร์ ไวร์ด (CPW) เปิดเผยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2/64 บริษัทฯ และบริษัทฯ ย่อย มีรายได้รวมอยู่ที่ 944.83 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 353.51 ล้านบาท หรือคิดเป็น 59.78% และมีกำไรสุทธิ 6.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อน 5.78 ล้านบาท คิดเป็น 494.02% สะท้อนสินค้าเทคโนโลยีเติบโตอยู่ในกระแสความต้องการของผู้บริโภค และการบริหารจัดการภายในทำได้มีประสิทธิภาพ ภายใต้มาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

สำหรับรายได้จากการขายและบริการอยู่ที่ 944.82 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกัน ของปีก่อน 356.97 ล้านบาท หรือคิดเป็น 60.72% เป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการขายสินค้า คอมพิวเตอร์และแท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือ และสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้า Apple เป็นจำนวน 83.07% ของรายได้และบริการสุทธิ เทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 80.51% ขณะที่รายได้จากการขายสินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ มีสัดส่วน 32.71% ของรายได้จากการขายและบริการสุทธิ เทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนอยู่ที่ 37.79%

“ในไตรมาส 2/64 สินค้ากลุ่ม Apple มีการเติบโตที่ดีขึ้น จากยอดขาย iPhone 12 รวมทั้ง iPad และ MacBook ที่วางจำหน่ายในช่วงปลายปี 63 ที่ผ่านมา ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีมากในปัจจุบัน รวมทั้งกระแสการทำงานที่บ้าน (Work from Home) หรือการเรียนการสอนผ่านออนไลน์ สนับสนุนความต้องการสินค้า และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุคใหม่มากยิ่งขึ้น ขณะที่ สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์แม้จะปรับลดลงในไตรมาสนี้ แต่จะกลับมาสร้างการเติบโตได้อีกมาก จากการเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G IoT AR และ VR คาดจะเข้ามากระตุ้นตลาดให้คึกคัก”

นายปรเมศร์ กล่าว

ทั้งนี้ รายได้จากช่องทางออนไลน์มีสัดส่วน 11.64% ของรายได้จากการขายและบริการ คิดเป็นการเพิ่มขึ้น 92.97% จากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยบริษัทฯ จะพยายามขยายการเติบโตผ่านช่องทางออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์มต่าง ๆ เพื่อเป็นอีกช่องทางการจำหน่ายที่แข็งแกร่ง

ณ สิ้นไตรมาส 2/64 บริษัทฯ มีร้านค้าปลีกภายใต้การบริหารงานจำนวน 45 สาขา (จากไตรมาส 2/63 มีจำนวน 44 สาขา) ประกอบด้วย ร้าน .life (ดอทไลฟ์) จำนวน 23 สาขา ร้าน Apple Brand Shop จำนวน 17 สาขา (แบ่งเป็น iStudio by copperwired จำนวน 13 สาขา U-Store by copperwired จำนวน 3 สาขา และ Ai_ จำนวน 1 สาขา) และศูนย์บริการ iServe จำนวน 5 สาขา สืบเนื่องจากมาตรการของรัฐบาลในการป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 20 ธ.ค.63 ถึง 2 ก.พ.64 บริษัทฯ ได้ปิดร้านค้าปลีกจำนวน 2 สาขา เป็นการชั่วคราว (ใน 6 เดือนแรกของปี 63 ตั้งแต่วันที่ 22 มี.ค. ถึง 16 พ.ค.63 บริษัทฯ ได้ปิดร้านค้าปลีกจำนวน 41 สาขา)

สำหรับผลประกอบการงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 ม.ค.64 บริษัทและบริษัทย่อยมีรายได้รวม 1,983.37 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปีก่อนจำนวน 607.98 ล้านบาท คิดเป็น 44.20% และมีกำไรสุทธิรวมจำนวน 31.94 ล้านบาท เพิ่มขึ้น จากปีก่อนจำนวน 19.16 ล้านบาท คิดเป็น 149.92% อัตรากำไรสุทธิต่อรายได้เพิ่มขึ้น 1.61% จาก 0.93% ในงวดเดียวกันของปีก่อน

นายปรเมศร์ กล่าวว่า บริษัทมั่นใจเป้าหมายรายได้ในปีนี้จะเติบโตจากปีก่อน 20% ตามที่วางไว้ โดยเฉพาะในครึ่งปีหลังเป็นช่วงที่สินค้าใหม่ทยอยเปิดตัวและวางจำหน่าย รวมทั้ง การบริหารจัดการผลิตภัณฑ์ และช่องทางการจำหน่ายให้มีประสิทธิภาพ นำออนไลน์เสริมทัพ โดยในปีนี้วางแผนเปิดสาขาใหม่ 7 สาขายังคงตามแผนเดิม และส่วนใหญ่จะเร่งเปิดในช่วงครึ่งปีหลัง เนื่องจากต้องระมัดระวัง และคำนึงถึงโอกาสอันเหมาะสม ควบคู่การจับมือพันธมิตรชั้นนำอย่างเอไอเอส เพิ่มความได้เปรียบในการจัดทำแผนการตลาดร่วมกัน และตอบโจทย์ผู้บริโภคด้วยการใช้ชีวิตแบบ Smart Living ได้อย่างสมบูรณ์

ล่าสุด บริษัทฯ ได้ประกาศซื้อกิจการ IBIZ Plus รุกตลาดร้านโทรศัพท์มือถือ-อุปกรณ์เสริม มูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เตรียมจัดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเดือนกันยายนนี้ เพื่อขยายช่องทางการจำหน่าย และเพิ่ม Product Mix ในมือ ภายใต้แบรนด์ AIS, Telewiz, Buddy, Samsung และ Xiaomi ในประเทศไทย เสริมจากการเป็นหนึ่งในตัวแทนจำหน่ายรายใหญ่สินค้าดิจิทัลไลฟ์สไตล์ และแบรนด์ Apple คาดจะเป็นปัจจัยสำคัญรับโอกาสยุคเทคโนโลยีบูมในปี 65 ให้มีสาขาเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดด

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ส.ค. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top