หุ้นไทยแนวโน้มเช้านี้ลุ้นขึ้นหลังวุฒิสภาสหรัฐผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ

นักวิเคราะห์ฯเผยตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีลุ้นขึ้นก่อนอ่อนตัว ปัจจัยแวดล้อมดีมาจากวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจ 1 ล้านล้านดอลลาร์ เล็งหนุนกลุ่มพลังงานปลายน้ำ-สาธารณูปโภค แต่ยังต้องจับตาทิศทางลงทุนของต่างชาติ แต่งบฯไตรมาส 2/64 ส่วนใหญ่ออกมาดี แต่ตลาดฯให้น้ำหนักมากขึ้นกับการปรับลด QE มีผลต่อกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ ขณะที่บาทอ่อนค่ายังหนุนกลุ่มส่งออก พร้อมให้แนวรับ 1,515 แนวต้าน 1,550-1,560 จุด

นายถนอมศักดิ์ สหรัตน์ชัย ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการและหัวหน้าฝ่ายวิจัย บล.กรุงไทย ซีมิโก้ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะปรับตัวขึ้นได้ในช่วงต้นก่อนจะอ่อนตัวลง ปัจจัยบวกต่างประเทศมาจากวุฒิสภาสหรัฐลงมติผ่านร่างกฎหมายการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงิน 1 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและการสร้างงาน มองช่วงสั้นน่าจะช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานปลายน้ำและกลุ่มสาธารณูปโภค

ส่วนบ้านเรานักลงทุนต่างชาติกลับมาทำ Cover Short หลังจาก Short หุ้นไป ต่อจากนี้ก็ต้องจับตาทิศทางการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติจะเป็นอย่างไร แต่ผลกำไรของบริษัทจดทะเบียนส่วนใหญ่ในงวดไตรมาส 2/64 ออกมาในเกณฑ์ที่ดี แต่ตลาดฯให้น้ำหนักการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มากขึ้น ทำให้หากเกิดขึ้นจริงก็จะมีผลต่อกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ อย่างไรก็ดี เงินบาทอ่อนค่ายังช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มส่งออกได้ดี

นอกจากนี้ แนะติดตามตัวเลขเงินเฟ้อของสหรัฐคืนนี้ และ MSCI Quarterly review คาด BBL-F จะถูกถอดออก รวมถึงการทยอยประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน

ด้านตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้เคลื่อนไหวทั้งในแดนบวก-ลบ

พร้อมให้แนวรับ 1,515 จุด ส่วนแนวต้าน 1,550-1,560 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (10 ส.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,264.67 จุด เพิ่มขึ้น 162.82 จุด(+0.46%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,436.75 จุด เพิ่มขึ้น 4.40 จุด (+0.10%), ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 14,788.09 จุด ลดลง 72.09 จุด (-0.49%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น เพิ่มขึ้น 157.69 จุด, ดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 2.82 จุด และดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 113.88 จุด
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (10 ส.ค.) 1,542.62 จุด เพิ่มขึ้น 2.43 จุด (+0.16%)
  • นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,675.18 ล้านบาท เมื่อวันที่ 10 ส.ค.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ก.ย.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (10 ส.ค.) ปิด 68.29 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 1.81 ดอลลาร์ หรือ 2.7%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (10 ส.ค.) อยู่ที่ 3.80 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.47 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดรอติดตามตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐคืนนี้
  • คลังมั่นใจลดวงเงินคุ้มครองเงินฝากเหลือ 1 ล้านบาทวันนี้ ไม่กระทบเชื่อมั่น ไม่เกิดปรากฏการณ์แห่ถอนเงิน เหตุสถาบันการเงินเข้มแข็ง ผู้ฝากรับรู้มานานแล้ว “ออมสิน” คาดหน่วยงานรัฐ-เอกชนโยกเข้ามาฝาก เหตุรัฐบาลประกัน 100%
  • “สุพัฒนพงษ์” กางแผนกระทรวงพลังงานร่วมขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยฝ่าโควิด ครอบคลุมทั้งมิติเศรษฐกิจและสังคม ผนึกหน่วยงานและรัฐวิสาหกิจในสังกัด อัดฉีดเงินลงทุนปีนี้กว่า 2 แสนล้านบาท โดยครึ่งปีแรกลงทุนไปแล้วกว่า 1 แสนล้านบาท จ้างงานรวมแล้วกว่า 36,000 ตำแหน่ง ครึ่งปีหลังปักหมุดจ้างเพิ่มอีก 2,300 ตำแหน่ง ลดค่าไฟช่วยประชาชน ผุด 4 แผนพลังงานหลักขับเคลื่อนโรงไฟฟ้าชุมชนและพลังงานในอนาคต
  • สคร.เปิดผลงานรัฐวิสาหกิจตะลุยเบิกจ่ายกระฉูด 1.91 แสนล้านบาท ชู รฟท.-รฟม.-กฟน. ผลงานใช้เงินลงทุนสุดแจ่ม เข็นใช้เงินลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 (ช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา) โครงการรถไฟฟ้าชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต และโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มคืบสวนทางโครงการพัฒนาสนามบินสุวรรณภูมิ-ทางวิ่งเส้นที่ 3 สุดอืด
  • นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างหอการค้าต่างประเทศจำนวน 35 ประเทศ รวม 70 ราย พบว่า ค่าดัชนีความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจของ นักธุรกิจต่างประเทศ ไตรมาส 2/64 ลดลงอยู่ที่ 28.5 จาก 31.8 ในไตรมาส 1/64

หุ้นเด่นวันนี้

  • ADVANC (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 210 บาท ดักซื้อรับปันผล 3.45 บาทต่อหุ้นก่อนขึ้น XD 16 ส.ค.และคาดหวัง Synergy ทางธุรกิจหลัง GULF เข้าถือหุ้นใหญ่ INTUCH และ ADVANC พัฒนาธุรกิจกันมากขึ้นเป็น Story หนุน Sentiment การลงทุนในอนาคต
  • KCE (ทรีนีตี้) “ซื้อ”เป้า 100 บาท แนวโน้มกำไรยัง New High ต่อ และมองว่ากลับมาสู่หุ้น Growth อีกครั้ง ในการขยายกำลังการผลิต โดยบริษัทมีแผนที่จะขยายเพิ่มกำลังการผลิต 1 เท่าตัวในอีก 3 ปีข้างหน้า
  • BCH (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 29 บาท โอกาสกำไร Q2/64 ออกมาดีกว่าคาดที่ +180% Q-Q, +225% Y-Y หลังหลายโรงพยาบาลประกาศออกมาแล้วดีกว่าคาดอย่างมีนัยสำคัญจากรายได้เกี่ยวเนื่องกับโควิด-19 พุ่งขึ้น แนวโน้ม Q3/64 คาดเร่งตัวอย่างมีนัยทำ New High ต่อเนื่อง และคาดกระทบจากการลดอัตราเบิกจ่ายการตรวจ RT-PCR จำกัด ขณะที่รายได้จากการรักษามีนัยสำคัญมากกว่า พร้อมประเมินกำไรปี 64 ที่คาด +186% Y-Y มี Upside

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ส.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top