นายวิทูร ศิลาอ่อน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. เอส แอนด์ พี ซินดิเคท (SNP) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งปีหลังบริษัทยังคงเน้นกลยุทธ์เดลิเวอรี่เป็นหลักหลังจากสามารถเติบโตอย่างต่อเนื่องในช่วงล็อกดาวน์ จากไตรมาส 2/64 ที่ผ่านมาเติบโต 28% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และเติบโต 24% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/64 ขณะที่คาดว่าจะเติบโตต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง
ทั้งนี้ บริษัทตั้งเป้ารายได้จากช่องทางเดลิเวอรี่ 3 ล้านบาทต่อวัน จากการพัฒนาช่องทางออนไลน์ให้ใช้งานได้สะดวกยิ่งขึ้น อีกทั้งออกสินค้าและโปรโมชั่นใหม่ ๆ ตอบสนองลูกค้าอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงเดินหน้าเปิด S&P DelTA (Delivery & Take Away) ซึ่งได้รับกระแสตอบรับที่ดีจากลูกค้า โดยปัจจุบันมีทั้งหมด 11 สาขา โดยวางแผนจะเพิ่มอีก 12 สาขาในไตรมาส 3/64 และ 8 สาขาในไตรมาส 4/64 นี้เพื่อการเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
และจากนโยบายของภาครัฐที่งดการนั่งทานอาหารที่ร้าน ทำให้บริษัทมุ่งเน้นนโยบาย Take away มีการปรับพื้นที่ทานอาหารในร้านเป็น “S&P Marketplace” อย่างเต็มรูปแบบ มีการจัดวางสินค้าที่หลากหลายและออกโปรโมชั่นที่น่าสนใจ โดยยอดขายในเดือนก.ค.ที่ผ่านมาอยู่ที่ 100 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นกระแสตอบรับที่ดี
นอกจากนี้ยังมุ่งเน้นไปยังธุรกิจค้าปลีกสินค้าอาหารสำเร็จรูปต่างๆ ของ เอสแอนด์พี อีกด้วย เนื่องจากในช่วงล็อกดาวน์ประชาชนจะเลือกไปซื้อสินค้าที่ซูเปอร์มาร์เก็ต ทางบริษัทจึงเพิ่มสินค้าเข้าไปในช่องทางดังกล่าวมากขึ้น ซึ่งพบว่าในไตรมาส 2/64 และช่วงต้นไตรมาส 3/64 มียอดขายที่ดี และในช่วงครึ่งปีหลังก็จะออกสินค้าใหม่เพื่อตอบสนองลูกค้ามากขึ้น
นายวิทูร กล่าวว่า บริษัทยังมีการปรับกลยุทธ์จำหน่ายสินค้าให้เข้ากับสถานการณ์ในปัจจุบันไม่ว่าจะเป็นการปรับราคาเครื่องดื่ม Blue cup ให้เริ่มต้นที่ 69 บาท ซึ่งเป็นราคาที่สามารถเข้าถึงได้มากขึ้น โดยที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายได้เพิ่มขึ้นเดือนละ 4 ล้านบาท หรือมีการนำสินค้าที่จำหน่ายเฉพาะช่วงเทศกาลมาปรับขายให้สามารถทานได้ทุกวัน เช่น คุ้กกี้ ซึ่งสร้างรายได้แล้วประมาณ 7 ล้านบาท และยังมีการนำสินค้าจากพันธมิตรอาหารญี่ปุ่นอย่าง MAiSEN มาวางจำหน่ายภายในร้าน S&P เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าอีกด้วย
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (20 ส.ค. 64)
Tags: SNP, ฟู้ดเดลิเวอรี่, วิทูร ศิลาอ่อน, หุ้นไทย, เอส แอนด์ พี, เอส แอนด์ พี ซินดิเคท