สปก.-สกพอ.ร่วมมือพัฒนาสมุนไพรไทยครบวงจรในพื้นที่อีอีซีหวังสู่ตลาดโลก

รอ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมช.เกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือการพัฒนาสมุนไพรอย่างครบวงจรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ภายใต้แผนพัฒนาการเกษตรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก พ.ศ. 2566 – 2570 ระหว่าง สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (สปก.) และสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.)

นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการ สกพอ. กล่าวว่า ความร่วมมือภายใต้บันทึกข้อตกลงฯ ระหว่าง สปก. และ สกพอ. ครั้งนี้ ถือเป็นโครงการด้านการพัฒนาเกษตรในพื้นที่ อีอีซี โดยทั้ง 2 หน่วยงาน จะได้ร่วมกันสนับสนุนการพัฒนาพืชสมุนไพร และกิจการที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรอย่างครบวงจร ในเขตปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในพื้นที่อีอีซี

เป้าหมายจะยกระดับพืชสมุนไพรของไทย มีคุณภาพมาตรฐานสากล ตั้งแต่การเพาะปลูกไปจนถึงการทำตลาด โดยจะนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัย ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตสมุนไพรให้ได้มาตรฐาน มีความปลอดภัยตลอดจนการทำตลาดสมัยใหม่ ให้สมุนไพรไทยขายได้ตรงความต้องการของตลาด มีราคาสูง สร้างรายได้ที่มั่นคงให้เกษตรกร

กรอบความร่วมมือการพัฒนาสมุนไพรอย่างครบวงจรฯ ที่สำคัญๆ ได้แก่

  1. สนับสนุนการใช้ประโยชน์ที่ดิน ในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อให้เกษตรกรปลูกพืชสมุนไพรในพื้นที่ อีอีซี ตามกฎหมายว่าด้วยการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
  2. สนับสนุนข้อมูลให้เกษตรกร ข้อมูลที่ดินรวมทั้งกฎหมายในเขตปฏิรูปที่ดิน เพื่อการผลิต และการพัฒนาผลิตภัณฑ์สมุนไพรในพื้นที่ อีอีซี
  3. ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกเกษตรกร กลุ่มเกษตรกร กลุ่มวิสาหกิจชุมชน และพื้นที่ดำเนินการที่มีความพร้อมเพื่อดำเนินการพัฒนาพืชสมุนไพร นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการผลิต และขายได้ตรงตลาด
  4. สร้างเครือข่ายงานวิจัยและการต่อยอดสมุนไพรไทย ให้ได้ตรงความต้องการตลาด
โดยมี นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม และ นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นผู้ลงนาม พร้อมด้วยผู้แทนจากหน่วยงานทั้ง 2 ฝ่าย

ทั้งสองหน่วยงานจะร่วมกันศึกษาโมเดลธุรกิจที่เหมาะสม เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาพืชสมุนไพรอย่างมีประสิทธิภาพและครบวงจร ให้มีผลโดยเร็วและเป็นรูปธรรม มีระยะเวลา 2 ปี ตามอายุของข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือนี้ โดยใช้พื้นที่ สปก.ในจ.ชลบุรี และฉะเชิงเทราที่จะสนับสนุนพืชสมุนไพร อาทิ กัญชง กัญชา ฟ้าทะลายโจร ซึ่งกระทรวงเกษตรฯ จะสนับสนุนทั้งปริมาณและคุณภาพ ขณะที่อีอีซีจะสนับสนุนความร่วมมือด้านการตลาดที่จะเข้าสู่ตลาดโลก

อนึ่ง อีอีซี ได้ดำเนินการพัฒนาภาคเกษตรให้เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับรายได้ และคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ อีอีซี โดยมีแผนพัฒนาภาคเกษตร ซึ่งทำร่วมกับ สำนักงานเศรษฐกิจการเกษตร (สศก.) ในการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาการผลิตและการตลาดให้ตรงกับความต้องการซื้อ โดยใช้ EECi เป็นฐานการพัฒนาเทคโนโลยีภาคเกษตร และยังได้จัดทำโครงการระเบียงผลไม้ภาคตะวันออก (Eastern Fruit Corridor: EFC) เป็นการลงทุนร่วมกันระหว่าง ชุมชน การนิคมแห่งประเทศไทย และ ปตท. ในการทำระบบห้องเย็น (Blast Freezer & Cold Storage) เพื่อเก็บและพัฒนาสินค้าผลไม้ไว้ขายนอกฤดูกาล คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปลายปีนี้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ส.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top