เงินบาทเปิด 32.78 ทรงตัวจากวานนี้ ตลาดรอความชัดเจนมาตรการกระตุ้นศก. ECB วันนี้

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ 32.78 บาท/ดอลลาร์ ทรงตัวในระดับเดียวกับปิดตลาดเย็นวานนี้ ขณะที่ดอลลาร์กลับมาแข็งค่าเนื่องจากนักลงทุนปิดรับความเสี่ยงหันมาถือครองดอลลาร์จากความกังวลเรื่องสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาที่กลับมารุนแรง และปัญหาเงินเฟ้อ โดยตลาดรอดูผลประชุมธนาคารกลางยุโรปในช่วงค่ำวันนี้เกี่ยวกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

“บาททรงตัวเท่ากับช่วงปิดตลาดเย็นวานนี้ หลังนักลงทุนปิดรับความเสี่ยงทำให้ดัชนีหุ้นของสหรัฐร่วงลงมาจากความกังวลเรื่องการระบาดของสายพันธุ์เดลตาและปัญหาเงินเฟ้อ”

นักบริหารเงิน กล่าว

นักบริหารเงิน ประเมินกรอบการเคลื่อนไหวของเงินบาทในวันนี้ไว้ที่ 32.65 – 32.85 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (8 ก.ย.) อยูที่ระดับ 0.29495% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.31210%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 110.18 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 110.23 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.1812 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวานนี้ที่ระดับ 1.1815 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 32.780 บาท/ดอลลาร์
  • รายงานข่าวจากกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ในเร็วๆ นี้ คลังเตรียมเสนอโครงการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐหรือบัตรคนจน รอบใหม่ ให้คณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม ซึ่งมี นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เป็นประธานพิจารณา ตามนโยบายของนายกรัฐมนตรี โดยการลงทะเบียนรอบใหม่ ซึ่งเปิดให้ทั้งกลุ่มคนที่ตกหล่น หรือไม่เคยถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐมาก่อนเข้ามาสมัครได้ ขณะที่คนที่มีบัตรสวัสดิการอยู่แล้ว ก็เข้าร่วมคัดกรองคุณสมบัติเพื่อรับสิทธิได้เช่นกัน
  • รมว.คลัง กล่าวว่า กำลังเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณปี 2564 รวมถึงการเบิกจ่ายงบลงทุนของรัฐวิสาหกิจ คาดว่าสิ้นเดือนกันยายนนี้จะเบิกจ่ายงบประมาณ 2564 ได้กว่า 90% ของวงเงินงบรวม 3.28 ล้านล้านบาท จะทำให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจช่วงท้ายปี 2564 ประกอบกับการส่งออกยังมีอัตราขยายตัวมากขึ้น เป็นสัญญาณดีต่อเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้การบริโภคภายในประเทศเริ่มกลับมาคึกคัก เพราะรัฐบาลคลายล็อกมาตรการป้องกันโควิด โดยช่วง 5-6 วันที่ผ่านมา ผู้บริโภคเริ่มออกไปเดินห้าง นั่งรับประทานอาหารนอกบ้านมากขึ้น หากรัฐบาลคลายล็อกในขั้นถัดไป จะทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจในประเทศฟื้นกลับมาแน่นอน
  • สภาอุตฯ ร่วมกับ 3 ธนาคารเตรียมวงเงินกว่า 40,000 ล้านบาท ช่วยสมาชิกและเอสเอ็มอีฝ่าวิกฤตโควิด-19 กว่า 10,000 ราย ขณะที่พาณิชย์ร่วมกับแบงก์รัฐปล่อยกู้โครงการ ‘จับคู่กู้เงิน’ ช่วยเหลือเอสเอ็มอีร้านอาหาร-ส่งออก กว่า 3 พันล้าน และเตรียมเปิดเฟส 2 ช่วยส่งออก
  • ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้รายงานธุรกรรมการชำระเงินผ่านบริการธนาคารมือถือ (Mobile Banking) และการใช้บริการธนาคารผ่านอินเตอร์เน็ต (Internet Banking) ของคนไทยล่าสุดสิ้นเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เทียบกับเดือน มิ.ย.ปี 63 พบว่า ในช่วงเวลา 1 ปี คนไทยมีการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านทั้งสองระบบดังกล่าวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
  • นายกสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวเกาะสมุย เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์ปฏิบัติการควบคุมโรคอำเภอเกาะสมุย เห็นชอบปรับรูปแบบการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติของโครงการสมุย พลัส โมเดล เป็นรูปแบบไม่ถูกกักตัว ในทันทีที่ผลการตรวจหาเชื้อโควิดด้วยวิธี RT-PCR ออกมาว่าไม่ติดเชื้อ เหมือนกับที่ภูเก็ต แซนด์บ็อกซ์ ทำอยู่
  • ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจใน 12 เขตของสหรัฐหรือ Beige Book เมื่อวานนี้โดยระบุว่า การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ “ปรับตัวลงเล็กน้อย” สู่การขยายตัวในระดับปานกลางในช่วงต้นเดือนก.ค.จนถึงเดือนส.ค.ซึ่งเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา
  • ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) ก่อนที่การประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีขึ้นในวันนี้
  • นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของ ECB ในวันนี้ (9 ก.ย.) ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า ECB จะยังไม่ประกาศการปรับลดมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในการประชุมครั้งนี้ แต่จะประกาศในการประชุมเดือนธ.ค. โดยนักวิเคราะห์เหล่านี้รวมถึงนายกิลเลส โมอิค จากบริษัท AXA Investment Managers และนางเชียรา แซนกาเรลลี จากบริษัทโนมูระ
  • สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (8 ก.ย.) โดยสัญญาทองคำปิดที่ระดับต่ำกว่า 1,800 ดอลลาร์ติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เนื่องจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังคงเป็นปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อตลาด
  • ข้อมูลเศรษฐกิจที่จะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนส.ค. และสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ค.
  • นักลงทุนจับตาการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 21-22 ก.ย. โดยคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนส.ค.จะเป็นปัจจัยหนึ่งที่คณะกรรมการเฟดใช้ในการพิจารณาว่าจะเริ่มประกาศปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หรือไม่

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (09 ก.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top