โพลชี้ชาวสหราชอาณาจักรแค่ 5% มองตะวันตกชนะสงครามต้านก่อการร้าย

สำนักข่าวซินหัวรายงานผลสำรวจจากบริษัทวิจัยตลาดและข้อมูลยูโกฟ (YouGov) ที่เผยแพร่เมื่อวันพฤหัสบดี (9 ก.ย.) ที่ผ่านมาระบุว่า แม้สหรัฐประกาศทำสงครามต่อต้านการก่อการร้าย หลังเกิดเหตุโจมตี 11 ก.ย. 2544 หรือเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 มาเป็นเวลานาน 20 ปี แต่มีชาวสหราชอาณาจักรเพียง 5% เท่านันที่มองว่า ประเทศตะวันตกเป็นฝ่ายชนะสงคราม

ผลสำรวจชาวสหราชอาณาจักรเกือบ 2,000 คนเมื่อปลายเดือนส.ค. ซึ่งเป็นช่วงที่ประเทศตะวันตกถอนกองกำลังออกจากอัฟกานิสถานนั้น พบว่า ผู้ตอบผลสำรวจ 3 ใน 5 หรือ 59% เชื่อว่า สงครามต่อต้านการก่อการร้ายจะยังคงดำเนินต่อไป โดยมีผู้ตอบผลสำรวจเพียง 1 ใน 20 หรือ 5% เท่านั้นที่มั่นใจว่า สหราชอาณาจักรและสหรัฐชนะสงครามดังกล่าว โดยลดลงจากระดับ 13% ในปี 2554

ประชาชน 46% มองว่าการที่ประเทศตะวันตกพยายามจะเอาชนะสงครามดังกล่าวนั้นเป็นสิ่งสำคัญ แต่ 52% ระบุว่า การรุกรานอิรักและอัฟกานิสถานหลังเหตุการณ์วินาศกรรม 9/11 นั้น เป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด

ทั้งนี้ รายงานล่าสุดที่จัดทำโดยโครงการคอสต์ออฟวอร์ (Costs of War) จากมหาวิทยาลัยบราวน์ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยวิจัยชั้นนำของสหรัฐระบุว่า สหรัฐใช้งบประมาณกับการทำสงครามต่อต้านการก่อการร้ายในช่วง 20 ปีที่ผ่านมาอย่างน้อย 8 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 260 ล้านล้านบาท ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 900,000 ราย ซึ่งรวมถึงพลเรือนมากกว่า 363,000 รายในอัฟกานิสถาน ปากีสถาน อิรัก ซีเรีย เยเมน และสถานที่อื่นๆ

ปัจจุบันหลายฝ่ายเชื่อว่ากลุ่มก่อการร้ายยังไม่พ่ายแพ้ โดยกลุ่มรัฐอิสลามหรือไอซิส (ISIS) และกองกำลังในเครือ ยังคงปฏิบัติการอยู่ในหลายประเทศและภูมิภาค แม้ดินแดนที่พวกเขาครอบครองจะลดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ก.ย. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top