PRM มั่นใจปี 65 โตต่อเนื่องคาดยอดใช้เรือ Crew Boat เต็ม 100%ใน Q4/64 เล็งซื้อเรือเพิ่ม

นายวิริทธิ์พล จุไรสินธุ์ ผู้อำนวยการสายงานการเงินและบัญชี บมจ.พริมา มารีน (PRM) เปิดเผยว่า บริษัทคาดว่าแนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 คาดว่าจะดีขึ้นกว่าปี 64 หากมีการการกลับมาเปิดประเทศได้อย่างเต็มที่ และมีการเดินทางโดยสารเครื่องบินกลับมาเพิ่มมากขึ้น ส่งผลต่อความต้องการใช้น้ำมันเจ็ทที่กลับมาฟื้นตัวขึ้น และเป็นผลบวกต่อธุรกิจเรือขนส่งในประเทศของบริษัทที่จะกลับมาเสริมกับธุรกิจเรือขนส่งต่างประเทศที่ยังมีการเติบโตในปีหน้าต่อเนื่องจากปี 64

โดยที่ภาพรวมของธุรกิจของ PRM ในปี 64 ยังคงได้รับปัจจัยหนุนผลการดำเนินงานจากธุรกิจขนส่งระหว่างประเทศที่เป็นปัจจัยหนุนหลัก โดยช่วงไตรมาส 3/64 ยังคงเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ ที่มีการใช้บริการขนส่งทางเรือระหว่างประเทศเป็นจำนวนมาก และการที่มีการกลับมาเปิดเมืองในต่างประเทศ ทำให้มีความต้องการใช้บริการขนส่งทางเรือมากขึ้น และในช่วงไตรมาส 4/64 ยังมองว่าจะยังเห็นทิศทางการเติบโตได้ แม้ว่าผ่านช่วงไฮซีซั่นไปแล้ว

หลังจากที่บริษัทผนึกความร่วมมือเป็นพันธมิตรเชิงกลยุทธ์กับกลุ่มไทยออยล์ (TOP) โดยรับเรือจาก TM ได้แก่ เรือ Crew Boat จำนวน 13 ลำ เข้ามาเสริมพอร์ตกองเรือ ช่วยสนับสนุนความสามารถด้านการให้บริการของกลุ่มธุรกิจเรือขนส่งที่ให้การสนับสนุนงานสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกลางทะเล (Offshore) ให้แก่กลุ่ม PRM และผลักดันให้กลุ่มธุรกิจดังกล่าวช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของผลการดำเนินงานในครึ่งปีหลังอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทจะเริ่มรับรู้รายได้จากกลุ่มเรือดังกล่าวครบทั้ง 13 ลำตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป ซึ่งสอดคล้องกับทิศทางอุตสาหกรรมและความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้น หลังจากกิจกรรมทางทะเลต่อจากนี้จะมีความคึกคักมากขึ้นตามลำดับ

นอกจากนี้ บริษัทได้นำประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจในฐานะที่เป็นผู้นำในอุตสาหกรรม ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากลูกค้าเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น จากเดิมในช่วงแรกที่รับเรือ Crew Boat ทั้ง 13 ลำ มีอัตราการใช้บริการเรืออยู่ที่ 60% แต่ด้วยความแข็งแกร่งในด้าน Marketing Arm ทำให้บริษัทใช้เวลาเพียง 3 เดือนในการผลักดันอัตราการใช้เรือ Crew Boat ได้กว่า 90% ในไตรมาส 3/64 และคาดว่าจะมีการใช้เรือเต็ม 100% ตั้งแต่ไตรมาส 4/64 เป็นต้นไป ภายใต้สัญญาระยะยาวด้วยอัตราค่าบริการในเกณฑ์ที่ดีขึ้น หลังประสบความสำเร็จจากการขยายฐานลูกค้าและพื้นที่ให้บริการไปยังภูมิภาคอาเซียน จากเดิมที่ให้บริการมุ่งเน้นในพื้นที่อ่าวไทย ซึ่งช่วยเสริมสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืน

ขณะเดียวกันบริษัทอยู่ระหว่างการพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนจัดหาเรือใหม่เพิ่มเติม เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้แก่กลุ่มธุรกิจระหว่างประเทศ เพื่อสนับสนุนการเติบโตของสัดส่วนรายได้จากกลุ่มธุรกิจนี้ให้มากขึ้น แต่จะต้องดูความเหมาะสมและทิศทางของตลาดอีกครั้งหนึ่ง โดยการจัดหาเรือใหม่เข้ามาให้บริการจะเป็นเรือที่ใช้พลังงานเชื้อเพลิงที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม สอดคล้องกับทิศทางของอุตสาหกรรมของโลก โดยเบื้องต้นวางแผนสั่งต่อเรือลำใหม่จำนวน 5 ลำ ซึ่งเป็นการทดแทนเรือเดิมที่ปลดระวาง 3 ลำ และมาเสริมกองเรือใหม่อีก 2 ลำ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ก.ย. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top