SENA เจรจาซื้อคอนโด 3-4 โครงการ มูลค่ารวมราว 2 พันลบ. คาดชัดเจนปลายปีนี้

น.ส.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการผู้จัดการ บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการเจรจาเข้าซื้อโครงการคอนโดมิเนียม 3-4 โครงการ ด้วยมูล่ารวมราว 2,000 ล้านบาท โดยคาดว่าจะทยอยเห็นความชัดเจนภายในช่วงที่เหลือของปีนี้ ซึ่งบริษัทมองว่าการเข้าซื้อโครงการเข้ามาสามารถลดระยะเวลาการพัฒนาโครงการลงได้ และยังสามารถได้ผลตอบแทนที่น่าพอใจด้วย

โดยแหล่งเงินทุนจะมาจากการร่วมทุนกับพันธมิตรและการกู้ยืมสินเชื่อจากสถาบันการเงิน ซึ่งบริษัทมีนโยบายคงรักษาอัตราหนี้สินต่อทุนให้ไม่เกินระดับสองเท่า ขณะเดียวกันยังคงรักษากระแสเงินสดที่ได้จากการโอนกรรมสิทธิ์โครงการไว้

ในช่วงที่ผ่านมา บริษัทฯ เข้าซื้อโครงการแล้ว 3 ทำเล ประกอบด้วย 1.ย่านรัตนาธิเบศร์ 2.ย่านเจริญนคร 3.ย่านบางซื่อ – เตาปูน โดยทั้ง 3 โครงการ พัฒนาภายใต้แบรนด์ใหม่ “เฟล็กซี่ (FLEXI)” แบรนด์ที่สะท้อนความเป็นตัวตนของคนรุ่นใหม่ Gen Y & Gen Z และคนรุ่นใหม่ที่มีความหลากหลายในการใช้ชีวิตและสามารถปรับเปลี่ยนตัวเองและพร้อมยืดหยุ่นได้ตลอดเวลา “เฟล็กซี่ (FLEXI)” ถูกนำมาใช้กับโปรเจกต์แรก “เฟล็กซี่ (FLEXI) รัตนาธิเบศร์” พร้อมกับนำแนวคิด Made From Her การสร้างที่อยู่อาศัยจากความใส่ใจและเก็บทุกรายละเอียดในการอยู่อาศัยมาเพื่อพัฒนาโปรดักส์และการบริการเพื่อให้ลูกค้าของเสนาได้รับสินค้าและการบริการที่ดีที่สุด ทั้งฟังก์ชันของเฟอร์นิเจอร์ที่สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการ รวมถึงบริการหลังการขายผ่านแอพพลิเคชั่น SENA 360 แอพเดียวที่ช่วยแจ้งซ่อม ซื้อ-ขาย ฝาก เช่า ให้กับลูกบ้านได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

สำหรับเป้ายอดขายในปีนี้ ทางบริษัทปรับลดลงเหลือ 7,111 ล้านบาท ส่วนยอดโอนของบริษัทได้ปรับลดลงมาเหลือ 6,943 ล้านบาท โดยในช่วง 8 เดือนที่ผ่านมา (ม.ค.-ส.ค. 64) บริษัทสามารถทำยอดขายได้แล้ว 3,200 ล้านบาท ปัจจุบันยอดรับรู้รายได้จากมูลค่ายอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งหมด 7,052 ล้านบาท (ณ สิ้นเดือน มิถุนายน 2564) สามารถรับรู้ในปีนี้ 3,689 ล้านบาท

ขณะที่ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายเป็นไปในทิศทางเดียวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ โดยปัจจุบันเริ่มเห็นทิศทางการฟื้นตัวขึ้นมาเล็กน้อย แม้ว่ากำลังซื้อจะไม่มากนักแต่ที่อยู่อาศัยถือว่าเป็นปัจจัย 4 แต่อย่างไรก็ตามยังมีปัจจัยกดดันจากการปล่อยกู้ที่ยังถือว่ายาก เนื่องจากความระมัดระวังของธนาคารเกี่ยวกับหนี้เสีย ส่งผลให้มียอดปฎิเสทสินเชื่อสูงถึง 50% แม้ว่าจะมีทิศทางที่ดีขึ้นจากการประกาศเปิดประเทศ แต่อย่างไรก็ตามยังต้องติดตามต่อไปว่านักท่องเที่ยวจะกลับมาเหมือนกับช่วงก่อนการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้หรือไม่

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 ต.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top