หุ้นไทยแนวโน้มเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ตาม ตปท. รับแรงหนุนเปิดประเทศวันแรก-ราคาน้ำมันขึ้น

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้ลุ้นรีบาวด์ได้แต่ไม่มาก ตามตลาดต่างประเทศ โดยตลาดภูมิภาคเช้านี้ส่วนใหญ่แกว่งบวกตามดาวโจนส์ เล็งรับปัจจัยบวกจากเปิดประเทศวันนี้วันแรก-ราคาน้ำมันดิบขึ้น แต่ยังต้องติดตามผลประชุมเฟดใน 2-3 พ.ย. และติดตามผลประชุมกลุ่มโอเปกพลัสใน 4 พ.ย.นี้ เป็นตัวชี้ทิศทางตลาดหุ้นไทย นอกจากนี้ตลาดบ้านเราปรับลงไปพอควรแล้วในสัปดาห์ที่แล้ว พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,615 แนวต้าน 1,630-1,634 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้มีโอกาสที่จะรีบาวด์ขึ้นได้แต่ไม่มาก เป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดต่างประเทศ โดยตลาดหุ้นในภูมิภาคเอเชียเช้านี้ส่วนใหญ่เคลื่อนไหวในแดนบวก เช่นเดียวกับดาวโจนส์เมื่อศุกร์ที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้น โดยตลาดบ้านเรามีปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศวันนี้วันแรก แต่ก็ต้องรอดูจะมีความคึกคักมากแค่ไหน และราคาน้ำมันดิบเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาก็ปรับตัวขึ้นด้วย

อย่างไรก็ดี ยังต้องติดตามผลการประชุมธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในวันที่ 2-3 พ.ย.นี้ และการประชุมกลุ่มโอเปกพลัสที่จะมีขึ้นในวันที่ 4 พ.ย.นี้ ซึ่งทั้งสองการประชุมเป็นตัวชี้ทิศทางตลาดหุ้น

นอกจากนี้ ตลาดบ้านเราปรับตัวลงไปพอควรแล้วเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมากองทุนก็เริ่มซื้อ แต่นักลงทุนต่างประเทศขายก็คงะมาจากการปรับพอร์ตตามการปรับลด QE ก็ได้ ซึ่งตลาดฯก็ได้รับรู้ไปบ้างแล้ว โดยสัปดาห์นี้มองว่าตลาดฯคงจะผันผวนตามผลประชุมเฟด

พร้อมให้แนวรับ 1,620-1,615 จุด ส่วนแนวต้าน 1,630-1,634 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

– ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (29 ต.ค.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,819.56 จุด เพิ่มขึ้น 89.08 จุด หรือ +0.25%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,605.38 จุด เพิ่มขึ้น 8.96 จุด หรือ +0.19% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,498.39 จุด เพิ่มขึ้น 50.27 จุด หรือ +0.33%

– ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี NIKKEI 225 ตลาดหุ้นญี่ปุ่น พุ่งขึ้น 437.99 จุด, ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 108.89 จุด และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 16.94 จุด

– ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (29 ต.ค.)1,623.43 จุด ลดลง 0.88 จุด (-0.05%)

– นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 3,150.01 ล้านบาท เมื่อวันที่ 29 ต.ค.64

– ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (29 ต.ค.) ปิดที่ระดับ 83.57 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 76 เซนต์ หรือ 0.9%

– ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (29 ต.ค.) อยู่ที่ 7.34 ดอลลาร์/บาร์เรล

– เงินบาทเปิด 33.33 อ่อนค่าจากสัปดาห์ก่อน นักลงทุนจับตาประชุมเฟดกลางสัปดาห์นี้

– สศช.มั่นใจเปิดประเทศดันเศรษฐกิจไตรมาสสุดท้ายฟื้น นักวิชาการชี้สร้างรายได้ 5 หมื่นล้าน 2 เดือนสุดท้าย แนะกระตุ้นบริโภคในประเทศ “หอการค้า” หวังแรงส่งท่องเที่ยวปีหน้าดีขึ้น ด้าน “ศุภวุฒิ” มองเปิดประเทศหนุนเศรษฐกิจสกัดจีดีพีร่วง “กรุงไทย” ชี้แม้เสี่ยงโควิดกลับมาระบาด แต่เตรียมพร้อมจีดีพีกลับฟื้นตัวเร็วปีหน้า “กรุงศรี” มองมีโจทย์ที่ท้าทายและต้องติดตาม

– คมนาคมเตรียมถกปรับแบบรถไฟไทยจีน สัญญา 3-3 หลังก่อสร้างช้ากว่าแผน 4% โอดติดปัญหาส่งมอบพื้นที่ รื้อย้ายสาธารณูปโภค พ่วงโควิด-19 กระทบ ฉุดงานก่อสร้างยกระดับอ่างลำตะคองยาว ระยะทาง 6 กม. ไม่คืบ

– นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ได้รับทราบการที่ประเทศไทยยื่นให้สัตยาบันความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (อาร์เซป) ต่อชาติสมาชิก เมื่อวันที่ 28 ต.ค.64 ที่ผ่านมาแล้ว ซึ่งเร็วกว่ากำหนดเดิมที่จะยื่นช่วงเดือน พ.ย.64 ทำให้มั่นใจว่าความตกลงจะมีผลบังคับได้ในวันที่ 1 ม.ค.65 ตามเป้าหมายที่ประกาศไว้

– ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า ความต้องการสินเชื่อครัวเรือนในไตรมาส 4/64 มีแนวโน้มขอสินเชื่อเพิ่มขึ้นจากความเชื่อมั่นผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้น หลังจากภาครัฐผ่อนคลายมาตรการควบคุมการระบาดโควิด ทำให้ครัวเรือนมีความต้องการขอสินเชื่อทั้งเช่าซื้อรถยนต์และที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นไปตามภาวะตลาดที่ปรับดีขึ้นจากการส่งเสริมการขาย เช่น จัดโปรโมชั่น โดยสถาบันการเงินยังมองว่าครัวเรือนบางกลุ่มจะยังระมัดระวังการใช้จ่ายเพื่อรองรับความไม่แน่นอนของการระบาดในอนาคต

– ประธานสภาหอการค้าไทย เปิดเผยว่า แนวโน้มราคาสินค้าจะขยับขึ้นตามราคาน้ำมันที่สูงขึ้นต่อเนื่อง ล่าสุดราคาน้ำมันดิบอยู่ที่ 80 เหรียญสหรัฐฯ/บาร์เรล จากที่เคยมีราคา 20-30 เหรียญฯ/บาร์เรล และยังไม่เห็นสัญญาณลดลง แต่มีโอกาสปรับขึ้นไปถึง 100 เหรียญฯ/บาร์เรลครึ่งแรกปี 65 ส่งผลให้ราคาวัตถุดิบสูงขึ้นตาม จึงอยากให้ผู้บริโภคทำใจและเตรียมรับมือกับราคาสินค้าที่จะขยับขึ้น ส่วนการหยุดวิ่งรถขนส่งของกลุ่มสหพันธ์ขนส่งแห่งประเทศไทย เพื่อกดดันให้ลดราคาน้ำมันดีเซลลงเหลือ 25 บาท/ลิตร นั้นมีผลกระทบกับเอสเอ็มอีที่ไม่มีรถขนส่งของตัวเอง จึงต้องการให้รัฐบาลวางแผนแก้ปัญหาด้วย

 

หุ้นเด่นวันนี้

 

– SAAM-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 29,978,987 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 7.50 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 1 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (20 ตุลาคม 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย วันใช้สิทธิครั้งแรก 17 ม.ค. 2565 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 19 ต.ค. 2565

– SAAM-W1 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ.เอสเอเอเอ็ม ดีเวลลอปเมนท์ (SAAM)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 29,978,987 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 11.00 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 3 ปี นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (20 ตุลาคม 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย วันใช้สิทธิครั้งแรก 17 ม.ค. 2565 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 19 ต.ค. 2565

– ITEL-W3 (ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญบมจ. อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม (ITEL)) เทรดวันนี้วันแรก มีจำนวน 311,789,822 หน่วย อัตราการใช้สิทธิ 1 ใบสำคัญแสดงสิทธิ : 1 หุ้นสามัญใหม่ ราคาการใช้สิทธิ 3.30 บาทต่อหุ้น อายุใบสำคัญแสดงสิทธิ 18 เดือน นับแต่วันที่ออกใบสำคัญแสดงสิทธิ (15 ตุลาคม 2564) ราคาใบสำคัญแสดงสิทธิ 0.00 บาทต่อหน่วย วันใช้สิทธิครั้งแรก 30 ธ.ค. 2564 และวันใช้สิทธิครั้งสุดท้าย 14 เม.ย. 2566

– TKS (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 17.90 บาท แนวโน้ม Q3/64 ได้แรงหนุนกำไรพิเศษจากการปรับโครงสร้างถือหุ้น TBSP-SABUY ขณะที่ส่วนแบ่งกำไรจาก SYNEX ยังแข็งแกร่ง ขณะที่ Q4/64 ได้อานิสงส์ SYNEX เข้า High Season และสินค้าใหม่ของ Apple รวมถึงคาดภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายปลายปี โดยมอง Valuation TKS ยังถูก ปัจจุบันยัง Discount จาก NAV ของ SYNEX เกือบ 40% และยังไม่รวมโรงพิมพ์และมูลเพิ่มระยะยาวจากการถือหุ้น SABUY 9.68% และ Digital Transformation ในอนาคตโดยคาดเห็นดีลลงทุนต่อเนื่อง พร้อมให้แนวรับ 12 บาท แนวต้าน 12.60-12.70, 13.20 บาท

– BTS (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้า 14 บาท ราคายัง Laggard ระยะสั้นมี Sentiment บวกจากธีมเปิดเมือง โดยวันนี้เป็นวันแรกในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 46 ประเทศความเสี่ยงต่ำสามารถเข้าประเทศไทยโดยไม่ต้องกักตัว โรงเรียนต่างๆ กลับมาเปิดเทอม คาดหนุนจำนวนผู้เข้าใช้บริการรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 พ.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top