ศาสตราจารย์เบนจามิน คาวลิ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านระบาดวิทยาประจำมหาวิทยาลัยฮ่องกงได้ออกมาให้ความเห็นว่า ฮ่องกงควรกลับมาเปิดพรมแดนการเดินทางให้กับประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก หลังโครงการทราเวล บับเบิลกับจีนแผ่นดินใหญ่ยังไม่มีความคืบหน้า แม้ฮ่องกงจะไม่มีรายงานโควิด-19 แพร่ระบาดมานานถึง 6 เดือน
“เราควรตั้งเป้าหมายกลับมาเปิดพรมแดนการเดินทางกับจีนแผ่นดินใหญ่โดยเร็วที่สุด แต่หากไม่สามารถทำเช่นนั้นได้ ผมก็คิดว่าอาจถึงเวลามองหาตัวเลือกอื่นแล้ว”
ศาสตราจารย์คาวลิ่งกล่าวให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์บลูมเบิร์กในวันนี้
ทางด้านสื่อท้องถิ่นของฮ่องกงรายงานว่า ฮ่องกงซึ่งเป็นศูนย์กลางทางการเงินของเอเชีย ยังคงอยู่ระหว่างการเจรจากับหน่วยงานรัฐบาลจีนเพื่อขออนุญาตให้เปิดการเดินทางอิสระระหว่างสองพื้นที่โดยไม่ต้องมีการกักตัว ซึ่งทำให้มีการพิจารณาถึงประเด็นที่ว่า ฮ่องกงจะสามารถใช้รหัสสุขภาพที่คล้ายกันกับจีนเพื่อคัดกรองระดับความเสี่ยงในการติดเชื้อโควิด-19 ของประชาชนได้หรือไม่
นายไมเคิล เทียน ผู้แทนสภาประชาชนแห่งชาติจีนประจำฮ่องกง เปิดเผยว่า ฮ่องกงอาจอนุญาตให้มีการเดินทางภายใต้ข้อจำกัดได้เร็วที่สุดภายในสิ้นปีนี้
อย่างไรก็ตาม ศาสตราจารย์คาวลิ่งมองว่า การจัดตั้งโครงการทราเวล บับเบิลกับจีนแผ่นดินใหญ่นั้นอาจมีความเสี่ยงมาก โดยสาเหตุส่วนหนึ่งมาจากการที่ฮ่องกงไม่ได้มีความพร้อมในการยับยั้งการแพร่ระบาดของโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาได้ หากสายพันธุ์ดังกล่าวแพร่กระจายมาถึงฮ่องกงซึ่งมีประชากรหนาแน่น
“หากดูตัวอย่างจากสิงคโปร์ ออสเตรเลีย และนิวซีแลนด์ ซึ่งต่างก็ประสบปัญหาในการยับยั้งการระบาดของสายพันธุ์เดลตา ก็จะเห็นได้ว่าฮ่องกงนั้นไม่ได้มีความพร้อมเท่ากับทางจีนแผ่นดินใหญ่”
ศาสตราจารย์คาวลิ่งระบุ
อนึ่ง แม้ว่าหน่วยงานสาธารณสุขของจีนจะพยายามควบคุมการแพร่ระบาดจากสายพันธุ์เดลตาอย่างเต็มที่ รวมถึงยกระดับมาตรการควบคุมให้เข้มงวดขึ้น แต่ก็ยังคงพบเชื้อไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวแพร่กระจายไปยังหลายพื้นที่ของจีน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (08 พ.ย. 64)
Tags: COVID-19, จีน, ฮ่องกง, เบนจามิน คาวลิ่ง, เปิดพรมแดน, โควิด-19, ไมเคิล เทียน