ตัวแทน 3 ส.โรงงานน้ำตาล ยื่นลาออกจาก กมธ.แสดงจุดยืนค้านแก้ไข พ.ร.บ.อ้อยฯ

นายสิริวุทธิ์ เสียมภักดี รองประธานกรรมการบริหารบริษัท ไทยชูการ์ มิลเลอร์ จำกัด (TSMC) และประธานคณะทำงานด้านประชาสัมพันธ์ เปิดเผยว่า 3 สมาคมโรงงานน้ำตาลทราย ซึ่งเป็นตัวแทนจากผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลทรายทั้ง 57 โรงงาน ได้ส่งหนังสือแจ้งการลาออกจากการเป็นที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการวิสามัญ และการร่วมเป็นคณะอนุกรรมาธิการวิสามัญ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.อ้อยและน้ำตาลทราย พ.ศ. 2527 ในมาตรา 4 ที่เสนอให้ กากอ้อย และกากตะกอนกรองเป็นผลพลอยจากการผลิตน้ำตาล เพื่อนำไปคำนวณในระบบแบ่งปันผลประโยชน์ หลังจากคณะกรรมาธิการวิสามัญในชุดดังกล่าว ได้ผ่านความเห็นชอบเพิ่มเติมคำนิยามกากอ้อยและกากตะกอนกรอง แม้ว่าที่ผ่านมาได้ร้องขอให้มีตัวแทนภาคโรงงาน ซึ่งถือเป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรงกับร่างกฎหมายฉบับดังกล่าว ร่วมเป็นคณะกรรมาธิการด้วย แต่ได้เป็นเพียงที่ปรึกษาไม่มีสิทธิออกเสียงในคณะกรรมาธิการได้

ทั้งนี้ กากอ้อย กากตะกอนกรอง และผลพลอยได้ต่างๆ จากการผลิตน้ำตาล ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของโรงงานน้ำตาลตามข้อตกลงระหว่างชาวไร่อ้อย และโรงงานที่ยึดเป็นหลักการของการแบ่งปันรายได้ตาม พรบ.อ้อยฯ มาตั้งแต่ต้น นอกจากนี้ “กากอ้อย” เป็นขยะอุตสาหกรรม ที่ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลต้องรับภาระในการกำจัดตามกฎหมายโรงงาน เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม จึงได้ลงทุนนำขยะดังกล่าวไปใช้เป็นเชื้อเพลิงผลิตกระแสไฟฟ้า

ดังนั้น การเพิ่มเติมมาตรา 4 ในส่วนคำนิยาม “ผลพลอยได้” นอกเหนือจากที่ตกลงไว้ จะสร้างความไม่เป็นธรรมให้แก่ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาล และนำมาสู่ความขัดแย้งในที่สุด อันจะทำให้อุตสาหกรรมอ้อย และน้ำตาลทรายไทยอ่อนแอลง

อย่างไรก็ตาม ผู้ประกอบการโรงงานน้ำตาลยังคงยืนยันในเจตนารมย์แก้ปรับปรุงกฎหมาย พ.ร.บ.อ้อยฯ เพื่อใช้กำกับดูแลอุตสาหกรรมฯ โดยสนับสนุนร่าง พรบ. อ้อยฯ ฉบับกระทรวงอุตสหากรรม ซึ่งถือเป็นร่างที่ได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย พร้อมได้รับความเห็นชอบของทุกฝ่ายแล้ว เพื่อมาใช้เป็นแม่บทการปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัยมากขึ้น

“การแก้ไข พรบ. อ้อยฯ สำหรับใช้บริหารจัดการอุตสาหกรรมนี้ จำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากชาวไร่อ้อย และโรงงานน้ำตาล ซึ่งเป็นมีส่วนได้ส่วนเสียโดยตรง แต่ในการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.ฉบับนี้ ฯ ฝ่ายโรงงานไม่มีโอกาสเข้าร่วมในการตัดสินใจในชั้นคณะกรรมาธิการวิสามัญ เนื่องจากได้รับแต่งตั้งเป็นเพียงที่ปรึกษาเท่านั้น และเมื่อมีมติผ่านความเห็นชอบในมาตรา 4 โดยไม่ได้รับฟังความเห็นของฝ่ายโรงงาน จึงทำให้เราไม่ได้รับความเป็นธรรม จึงตัดสินใจลาออกเพื่อแสดงจุดยืนไม่เห็นด้วยดังกล่าว”

นายสิริวุทธิ์ กล่าว

ส่วนกรณีที่ชาวไร่อ้อยคู่สัญญาของโรงงานน้ำตาล ได้ร้องขอไม่ให้โรงงานหักเงินค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อยนั้น ถือเป็นสิทธิของชาวไร่อ้อยที่จะยินยอมให้หักหรือไม่ หรือจะให้หักเงินส่งให้สถาบันฯ ใด นอกจากนี้ พ.ร.บ.อ้อยฯ ก็ไม่ได้ให้อำนาจไว้ จึงเป็นการดำเนินการที่มิชอบด้วยกฎหมาย ตามคำพิพากษาของศาลปกครองกลางที่ได้วินิจฉัยแล้วว่า คณะกรรมการอ้อยและน้ำตาลทราย (กอน.) มีหน้าที่กำหนดอัตราค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อยเท่านั้น แต่มิได้บัญญัติให้มีอำนาจที่จะกำหนดวิธีการชำระค่าบำรุงไว้ด้วย เพราะเป็นรายละเอียดที่กฎหมายต้องการให้สมาชิกชาวไร่อ้อย และสถาบันชาวไร่อ้อยไปกำหนดกันเองให้เหมาะสม และสอดคล้องกับการดำเนินงานของแต่ละสถาบันชาวไร่อ้อย

ดังนั้น โรงงานน้ำตาลทั่วประเทศจึงเห็นพ้องต้องกันที่จะยกเลิกการจัดเก็บเงินค่าบำรุงสถาบันชาวไร่อ้อย ตั้งแต่ฤดูการผลิตปี 64/65 เป็นต้นไป เนื่องจากขัดต่อกฎหมาย และสุ่มเสี่ยงต่อการที่ชาวไร่อ้อยอาจฟ้องร้องโรงงานได้

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (15 พ.ย. 64)

Tags: , , , , , , , ,
Back to Top