LOXLEY ร่วง 8.05% แม้ Q3/64 กำไรพุ่งแต่มาจากผลพวงเงินชดเชยหวยออนไลน์

หุ้น LOXLEY ราคาร่วงลง 8.05% มาอยู่ที่ 2.74 บาท ลดลง 0.24 บาท มูลค่าซื้อขาย 123.75 ล้านบาท เมื่อเวลา 10.48 น. โดยเปิดตลาดที่ 2.78 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 2.82 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 2.68 บาท

บมจ.ล็อกซเล่ย์ (LOXLEY) และบริษัทย่อย ประกาศผลดำเนินงานงวดไตรมาส 3/64 มีกำไรสุทธิ 393.82 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.17 บาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 257.06 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท

นายวิจิตร อารยะพิศิษฐ์ นักกลยุทธ์การลงทุน บล.เมย์แบงก์กิมเอ็ง (ประเทศไทย) กล่าวว่า ราคาหุ้น LOXLEY ราคาร่วงลงเช้านี้ แม้ผลกำไรงวดไตรมาส 3/64 จะมีกำไรกว่า 300 ล้านบาท แต่หากเข้าไปดูรายละเอียดจะพบว่าไม่ได้มาจากการดำเนินธุรกิจหลัก แต่มาจากการกลับรายการผลขาดทุนจากการด้อยค่าตาม TFRS9 และปัจจัยลบจาการบันทึกประมาณการหนี้สินผลขาดทุนของงานโครงการในสายธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์

โดย LOXLEY ชี้แจงว่า ในไตรมาส 3/64 บริษัทฯได้รับการชำระหนี้จากบริษัทร่วมที่บริษัทเคยบันทึกค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญไว้แล้วทั้งจำนวน โดยจะได้รับชำระคืนเงินกู้ยืมและดอกเบี้ยค้างรับเป็นจำนวน 771 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการที่บริษัทร่วมได้รับชดเชยค่าเสียหายจากสำนังานสลากกินแบ่งรัฐบาลตามคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุดจำนวน 2,099 ล้านบาท บริษัทจึงได้กลับรายการค่าเผื่อผลขาดทุนจากการด้อยค่าเพื่อสะท้อนจำนวนเงินที่จะได้รับคืนจากบริษัทร่วมดังกล่าว ณ วันที่ 30 ก.ย.64 บริษัทได้รับชำระหนี้บางส่วนแล้วเป็นจำนวน 636 ล้านบาท

ส่วนกำไร (ขาดทุน) จากกิจกรรมดำเนินงานสำหรับไตรมาส 3/64 มีผลขาดทุน 422 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 33 ล้านบาท ซึ่งมีผลขาดทุน 389 ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากในปี 64 บริษัทได้บันทึกประมาณการหนี้สินผลขาดทุนของงานโครงการในสายธุรกิจเน็ตเวิร์คโซลูชั่นส์กับหน่วยงานรัฐวิสาหกิจแห่งหนึ่งเพิ่มเติมอีก 486 ล้านบาท (ในปี 63 มีจำนวน 320 ล้านบาท) เนื่องจากในระหว่างปี 64 เกิดการแพร่ระบาดโควิด-19 ระลอกใหม่และมีประกาศจากภาครัฐให้หยุดดำเนินกิจกรรม รวมถึงเกิดต้นทุนเพิ่มเติมในระหว่างทดสอบระบบ ส่งผลต่อต้นทุนและค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของโครงการของบริษัทเพิ่มสูงขึ้น ดังนั้น บริษัทจึงทบทวนประมาณการต้นทุนดำเนินงานจนกระทั่งโครงการแล้วเสร็จใหม่ และบันทึกประมาณการหนี้สินไว้ในบัญชี ณ วันที่ 30 ก.ย.64 โครงการดังกล่าวมีความก้าวหน้าของงานแล้วกว่า 84%

ด้านรายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 3/64 เท่ากับ 2,712 ล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 359 ล้านบาท คิดเป็น 12% ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการล็อกดาวน์ควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ความก้าวหน้าของงานตลอดจนการส่งมองงานโครงการต่าง ๆ ล่าช้าออกไป

อย่างไรก็ตาม จากมาตรการล็อกดาวน์รวมถึงมาตรการกระตุ้นรายจ่ายของภาครัฐส่งผลให้ยอดขายของกลุ่มเทรดดิ้งยังคงมีการเติบโตเพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนเป็นจำนวน 283 ล้านบาท จากสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าเคมีภัณฑ์ซึ่งเป็นวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตสินค้าที่ใช้ในชีวิตประจำวัน

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (16 พ.ย. 64)

Tags: , , ,
Back to Top