หุ้นไทยแนวโน้มดัชนีเช้าแกว่งไซด์เวย์ เล็งกลุ่มพลังงานหนุนหลังราคาน้ำมัน-ถ่านหินฟื้น

นักวิเคราะห์ฯคาดตลาดหุ้นไทยเช้านี้แกว่งไซด์เวย์หลังกองทุน-ต่างชาติกลับมาซื้อ และราคาน้ำมันฟื้นหลังกลุ่มโอเปกพลัสอาจปรับแผนการผลิต หากสหรัฐและพันธมิตรทำการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง จึงเล็งกลุ่มพลังงานหนุนตลาดวันนี้ นอกจากนี้”พาวเวล”ให้ดำรงตำแหน่งประธานเฟด สมัยที่ 2 หนุนตลาดสหรัฐฯตอบรับเชิงบวก-Bond yield ขึ้นมา 1.63%-เงินย้ายไปสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น-กลุ่มเทคโนโลยีปรับตัวลง ทั้งนี้ตลาดบ้านเรายังมีโมเมนตัมบวก แต่อาจสลับกลุ่มเล่น เล็งกลุ่มถ่านหินหนุนหลังราคาถ่านหินพุ่งแรง 6.6% สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ และผู้ติดเชื้อโควิดในประเทศก็ลดลงด้วย พร้อมให้แนวรับ 1,645-1,640 แนวต้าน 1,656-1,660 จุด

นายกิติชาญ ศิริสุขอาชา ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์รายย่อย บล.ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยเช้านี้คาดว่าจะแกว่งไซด์เวย์ หลังจากที่กองทุนและนักลงทุนต่างชาติได้กลับมาซื้ออีกครั้ง และราคาน้ำมันก็ปรับตัวขึ้นได้แม้จะยังไม่มาก หลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส อาจปรับแผนการผลิต หากสหรัฐและพันธมิตรทำการระบายน้ำมันออกจากคลังสำรอง ส่งผลให้ราคาน้ำมันฟื้นตัวขึ้น และน่าจะมาช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มพลังงานในวันนี้ได้บ้าง

นอกจากนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดนตัดสินใจเสนอชื่อนายเจอโรม พาวเวล ให้ดำรงตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เป็นสมัยที่ 2 ทำให้ตลาดสหรัฐฯตอบรับในเชิงบวก และอัตราผตตอบแทนพันธบัตร (Bond yield) ก็ปรับขึ้นมาที่ 1.63% แสดงให้เห็นว่าเม็ดเงินมีการย้ายไปสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น และกลุ่มเทคโนโลยีก็ปรับตัวลง ส่งผลให้ดัชนี Nasdaq ปรับตัวลงไปด้วย ส่วนบ้านเราเงินบาทอ่อนค่ามาที่ 33 บาท/ดอลลาร์ฯ

ทั้งนี้ ตลาดฯยังมีโมเมนตัมบวกอยู่ แต่อาจจะเป็นลักษณะของการสลับกลุ่มเล่น โดยล่าสุดราคาถ่านหินพุ่งขึ้น 6.6% สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์ อาจจะมาช่วยหนุนหุ้นในกลุ่มถ่านหินได้ ซึ่งมองหุ้น BANPU น่าจะกลับมาปรับตัวขึ้นได้ ส่วนจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 ก็ลดลงทำให้ไม่น่าเป็นกังวล อย่างไรก็ดีให้ติดตามตัวเลขเศรษฐกิจของประเทศสำคัญที่จะทยอยออกมา

พร้อมให้แนวรับ 1,645-1,640 จุด ส่วนแนวต้าน 1,656-1,660 จุด

ประเด็นพิจารณาการลงทุน

  • ตลาดหุ้นนิวยอร์กล่าสุด (22 พ.ย.) ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 35,619.25 จุด เพิ่มขึ้น 17.27 จุด (+0.05%), ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,682.94 จุด ลดลง 15.02 จุด (-0.32%) และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,854.76 จุด ลดลง 202.68 จุด (-1.26%)
  • ตลาดหุ้นเอเชียเปิดตลาดวันนี้ ดัชนี HSI ตลาดหุ้นฮ่องกง ลดลง 262.35 จุด หรือ -1.05% และดัชนี SSE Composite ตลาดหุ้นจีน ลดลง 1.57 จุด หรือ -0.04%
    ส่วนตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดทำการวันนี้ (23 พ.ย.) เนื่องในวันขอบคุณแรงงาน
  • ตลาดหุ้นไทยปิดล่าสุด (22 พ.ย.)1,649.54 จุด เพิ่มขึ้น 4.48 จุด (+0.27%)
  • นักลงทุนต่างชาติซื้อสุทธิ 1,722.49 ล้านบาท เมื่อวันที่ 22 พ.ย.64
  • ราคาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือน ธ.ค.ในตลาดไนเม็กซ์ปิดทำการล่าสุด (22 พ.ย.) ปิดที่ระดับ 76.75 ดอลลาร์/บาร์เรล เพิ่มขึ้น 81 เซนต์ หรือ 1%
  • ค่าการกลั่นอ้างอิงตลาดสิงคโปร์ปิดล่าสุด (22 พ.ย.) อยู่ที่ 3.39 ดอลลาร์/บาร์เรล
  • เงินบาทเปิด 33.02 ดอลล์แข็ง หลังปธ.เฟดได้ต่อวาระ คาดกรอบ 32.90-33.10
  • ธปท.เปิดมาตรการช่วยลูกหนี้เพิ่มเติม เปิดให้ “รวมหนี้” ข้ามแบงก์ โดยใช้หลักประกันจากสินเชื่อบ้าน ช่วยลดภาระดอกเบี้ยเหลือไม่เกิน 10% จากเดิม 25% หวังช่วยลูกหนี้รอดวิกฤติ พร้อมสั่งห้ามแบงก์คิดค่าธรรมเนียมโปะหนี้เอื้อรีไฟแนนซ์
  • สภาพัฒน์ชี้ไตรมาส 3 คนไทยว่างงาน 8.7 แสนคน คิดเป็น 2.25% มากกว่าวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ เป็นเด็กจบใหม่ 10% หนี้ครัวเรือนยังสูง 89% กังวลหากไม่มีมาตรการรัฐเข้ามาอีกอาจมีคนจนเพิ่ม ความเหลื่อมล้ำถอยหลัง 7 ปี ขณะที่แบงก์ชาติหนุนรวมหนี้ใช้บ้านค้ำ
  • รมว.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ยอดการค้าระหว่างประเทศของไทยเดือน ต.ค.64 มีการส่งออก 22,738 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 17.4% เมื่อเทียบกับเดือน ต.ค.63 ส่วนการนำเข้า 23,108.9 ล้านดอลลาร์ฯ เพิ่ม 34.6% คิดเป็นเงินบาท 772,540 ล้านบาท เพิ่ม 43.3% ขาดดุลการค้า 370.2 ล้านดอลลาร์ฯ หรือ 22,524.01 ล้านบาท ขณะที่ช่วง 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.) ปี 64 การส่งออกมีมูลค่า 222,736.4 ล้านดอลลาร์ฯ เพิ่ม 15.7% การนำเข้ามูลค่า 221,089.8 ล้านดอลลาร์ฯ เพิ่ม 31.3% เกินดุลการค้า 1,646.6 ล้านดอลลาร์ฯ
  • บอร์ดทรู-ดีแทคเคาะแผนควบรวมแลกหุ้นตั้งบริษัทใหม่เปิดสูตรแลกหุ้น 1 หุ้นดีแทคแลกหุ้นบริษัทใหม่ได้ 24.53 หุ้น ราคาหุ้นละ 47.76 บาท ส่วนทรู 1 หุ้นแลกหุ้นบริษัทใหม่ได้ 2.40 หุ้น ราคาหุ้นละ 5.09 บาท “ศุภชัย-ซิคเว่” เปิดวิสัยทัศน์ควบรวมสู่บริษัทเทคโนโลยีเพื่อความอยู่รอดในอีก 20 ปีข้างหน้า โชว์รายได้รวมกัน 2.1 แสนล้านบาท กำไร 8 หมื่นล้านบาท

หุ้นเด่นวันนี้

  • GFPT (กรุงศรี) “ซื้อ”เป้าสูงสุด IAA Consensus 15 บาท ราคาหุ้นลดลงสะท้อนผลการดำเนินงานที่ขาดทุน 87 ล้านบาทใน Q3/64 ไปแล้ว แนะดักซื้อเก็งกำไรหลังจากราคาไก่ในประเทศเริ่มปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 35 บาท/ก.ก. จากเฉลี่ย 30 บาท/กก. ในเดือน ต.ค. และบางพื้นที่ปรับขึ้นเป็น 43 บาท/ ก.ก.
  • EA (ฟินันเซีย ไซรัส) “ซื้อ”เป้า 88 บาท แนวโน้มกำไร Q4/64 เติบโตต่อเนื่องจากการส่งมอบรถ E-Bus และการ COD โรงงานแบตเตอรี่ต้นเดือน ธ.ค.เฟสแรก 1 GWh ที่อยู่ใน Free zone การเปิดตลาดก่อนใครจะทำให้บริษัทสร้างฐานลูกค้าได้ก่อนใคร ขณะเดียวกันสถานีชาร์จทั้งรถและเรือไฟฟ้ามีมากสุดในประเทศ 427 สถานี กว่า 1.7 พันหัวจ่าย เป็นการสร้าง Eco system ที่ครบทั้ง R&D ระบบ Fast charge รองรับรถ EV ทุกค่าย ด้วยต้นทุนที่ต่ำ โดยยังคาดกำไรปี 64-66 +57%, +19%, +14% ตามลำดับ
  • SAT (เคทีบีเอสที) เป้าเชิงกลยุทธ์ 24 บาท ยอดขาย Q4/64 โอกาสเร่งตัวขึ้น ตาม Demand กลุ่ม Auto เพิ่มขึ้นหลังโควิด-19 คลี่คลาย และ Line การผลิตกลับมา และยอดผลิตรถยนต์นับตั้งแต่ ก.ย.-ต.ค. เร่งตัวขึ้น ปลายปีมีงาน Motor Show ปี 2565 คาดกลุ่ม Auto จะเติบโตโดดเด่น EV จะเข้าหนุน พร้อมประเมินกำไรสุทธิปี 64-65 ที่ 1 พันลบ. และ 1.1 พันลบ. +176%YoY, +10.5%YoY ตามลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (23 พ.ย. 64)

Tags: , ,
Back to Top