ดีลอยท์ ประเทศไทยเผย IPO อาเซียนคึกคัก คาดปลายปี 64-65 ทะลุ 1 หมื่นล้านดอลล์

นางวิลาสินี กฤษณามระ Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ ประเทศไทย กล่าวว่า หุ้น IPO ยังคงเป็นตัวขับเคลื่อนการเติบโตที่สำคัญอย่างต่อเนื่องสำหรับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) โดยหุ้นไอพีโอในปีนี้มีความหลากหลาย

ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มบริษัทน้ำมันไปจนถึงบริษัทผู้ให้บริการโทรคมนาคม ผู้ค้าปลีก และธุรกิจทางการเงิน ซึ่งเป็นที่ดึงดูดนักลงทุนจำนวนมาก ดีลอยท์ ประเทศไทย คาดว่าจะมีหุ้นไอพีโอจากอีก 10 บริษัทเป็นอย่างน้อย ซึ่งจะเข้ามามาเสริมตำแหน่งปีทองของ IPO ของไทยในปีนี้ และหากพิจารณาจากผลประกอบการของบริษัทด้านเทคโนโลยีที่เพิ่งเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ซึ่งน่าจะได้เห็นการเข้าตลาดของบริษัทด้านดิจิตัลและเทคโนโลยีของไทยมากขึ้น และเป็นการก้าวออกจากบริษัทในรูปแบบเดิม

สำหรับฟิลิปปินส์ หลังจากการจดทะเบียนเข้าตลาด REIT ของ AREIT, Inc ในปี 63 ซึ่งถือเป็นการเข้าตลาดฯของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) เป็นครั้งแรก ในปี 64 ทำให้ได้เห็นการจดทะเบียนของกอง REIT ขนาดใหญ่อีก 4 ราย ซึ่งสามารถระดมทุนเป็นมูลค่ารวมถึง 1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เมื่อรวมกับ Monde Nissin Corporation ที่มีมูลค่าการจดทะเบียนเข้าตลาดสูงสุดเท่าที่เคยมีมา เท่ากับ 1 พันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ในปี 64 ฟิลิปปินส์ สามารถระดมทุนได้มากกว่า 4 ปีผ่านมารวมกัน

PT Bukalapak.com Tbk ของอินโดนีเซีย สามารถระดมทุนได้สูงถึง 1.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ นับเป็นมูลค่าการระดมทุนสูงสุดเป็นอันดับสองในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในปีนี้ อินโดนีเซียถือเป็นผู้นำอันดับต้นๆ ของมูลค่าการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ของภูมิภาค ด้วยจำนวนบริษัทที่เข้าตลาด 40 บริษัทในช่วง 10.5 เดือนแรกของปี 64 เทียบกับ 51 บริษัท ณ สิ้นปี 63 ตลาดหลักทรัพย์อินโดนีเซียประสบความสำเร็จในการระดมทุนรวม 2.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในช่วง 10.5 เดือนแรกของปี 64 โดยมีมูลค่าจดทะเบียนเพิ่มขึ้นหกเท่าจาก 377 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 63

นางสาว อิเมลดา ออร์บิโต Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ อินโดนีเซีย ให้ความเห็นว่า ด้วยข่าวแผนการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาล ที่มีแผนจะนำรัฐวิสาหกิจ 14 แห่งเข้าตลาดฯ ความมุ่งมั่นในการส่งเสริมทางเลือกในการระดมทุนเพื่อการเติบโตของวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมผ่าน Acceleration Board รวมถึง การคาดการณ์การเข้าตลาดครั้งใหญ่ของบริษัทเทคโนโลยี จากการเติบโตของตลาดเทคโนโลยีเกิดใหม่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เรามองว่านี่จะเป็นจุดเริ่มต้นการเข้าสู่ยุคใหม่ของการจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์

จำนวนการเสนอขายหุ้น IPO ของมาเลเซียกลับไปสู่ระดับก่อนเกิดโควิด-19 โดยได้แรงหนุนจากผู้ลงทุนหลัก ประกอบกับจำนวนเงินทุนที่ไม่ได้ลงทุนจำนวนมาก uninvested capital ด้วยอัตราการฉีดวัคซีนในประเทศที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีบริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีและบริษัทที่ต้องการเพิ่มสถานะและความสามารถในการเจาะตลาดทุนเพิ่มจำนวนมากขึ้น โดยตลาด IPO ของมาเลเซียยังคงสดใสด้วยจำนวนบริษัทจดทะเบียนเข้าตลาดฯจนถึงปัจจุบันเป็น จำนวน 24 บริษัท ด้วยการเปิดตัวแผนแม่บทตลาดทุนครั้งที่ 3 (Third Capital Market Masterplan) โดย เอส ซี มาเลเซีย (SC Malaysia) การปรับการดำเนินเป็นดิจิทัล และการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม ทำให้มีบริษัทอีกมากมายที่จะจดทะเบียนเข้าตลาดฯในปี 65

การเสนอขายหุ้น IPO ในสิงคโปร์มีปริมาณน้อยมากในช่วง 10.5 เดือนแรกของปี 64 เนื่องจากไม่มี REIT ที่ปกติแล้วจะเป็นตัวสนับสนุนตลาดทุนไอพีโอ ณ วันที่ 15 พ.ย. 64 ตลาดหลักทรัพย์สิงคโปร์ (SGX) สามารถระดมทุนไอพีโอได้เป็นจำนวน 270 ล้านเหรียญสหรัฐ จากข้อตกลงเสนอขายหุ้นไอพีโอ 5 ราย ซึ่งประกอบด้วยการเสนอขายหุ้นไอพีโอ 1 รายบนกระดานหลัก โดยระดมทุนได้ 233 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ และอีก 4 รายบนกระดาน Catalist ซึ่งสามารถระดมทุนรวมเป็นจำนวนเงิน 37 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเปรียบเทียบ การซื้อขายที่ระดมทุนได้ 968 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากข้อตกลงไอพีโอ 11 ราย ในปี 63

โดยที่ตลาดฯสิงค์โปร์ยังคงมีความหวัง ด้วยการจดทะเบียนและยื่นเข้าตลาดของไอพีโอ REIT โดย Daiwa House Logistics Trust และ Digital Core REIT ในวันที่ 19 และ 22 พ.ย. 64 ตามลำดับ ในอีก 1.5 เดือนข้างหน้าจะเป็นไฮไลท์ของตลาดทุนของสิงคโปร์ ซึ่งคาดว่ากรอบการทำงานใหม่ในการจดทะเบียนบริษัทเพื่อวัตถุประสงค์พิเศษ (Special Purpose Acquisition Companies – “SPAC”) ที่เปิดตัวในเดือนก.ย. 64 จะช่วยให้ตลาดทุนของสิงคโปร์ฟื้นตัวจากการเสนอขายหุ้นไอพีโอที่แห้งแล้งในปีนี้ และกลับมาทำได้ดีกว่าปีที่แล้ว

นางสาว เท ฮวี ลิง Disruptive Events Advisory Leader ดีลอยท์ เซาท์อีสท์ เอเชีย และ สิงค์โปร์ กล่าวถึงตลาดทุนว่า จากการเพิ่มกฎการเข้าจดทะเบียนในกลุ่มรองลงมาและการนำ SPAC เฟรมเวิร์กมาใช้ บริษัทที่ต้องการจดทะเบียนในตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยชื่อท้องถิ่นที่คุ้นเคย มีทางเลือกมากขึ้นและสามารถระดมทุนในการจดทะเบียนได้เร็วมากขึ้น การเพิ่มขึ้นของจำนวนไอพีโอจากภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ จะส่งผลกระทบในทางที่ดีและช่วยเพิ่มพลวัตของสิงคโปร์ ในการเป็นตลาดทุนระดับนานาชาติที่จัดหารูปแบบการเติบโตให้กับบริษัทที่ต้องการเข้าจดทะเบียนได้

“องค์กรที่มีการเติบโตสูง สามารถเข้าถึงกองทุน Anchor ซึ่งเป็นกองทุนการร่วมลงทุนใหม่ที่จัดขึ้นโดยรัฐบาลสิงคโปร์และเทมาเส็ก เพื่อระดมทุนจากสาธารณะในตลาดทุนของสิงคโปร์ ด้วยระบบนิเวศแบบองค์รวมที่ส่งเสริมให้บริษัทเข้าสู่การจดทะเบียนหุ้นไอพีโอ ทำให้พวกเขาสามารถเข้าถึงตลาดทุนในกรอบระยะเวลาอันสั้น ทำให้การจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์สิงค์โปร์เป็นไปได้เร็วขึ้น ดิฉันหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะได้เห็นการเข้าจดทะเบียนมากยิ่งขึ้นในประเทศสิงคโปร์” 

นางสาว เท ฮวี ลิง กล่าว

สำหรับการคาดการณ์ในช่วงที่เหลือของปี 64 และปี 65 เชื่อว่ายังจะมีบริษัทที่จะจดทะเบียนเข้าตลาดในช่วงท้ายปี และภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้จะสามารถระดมทุนได้สูงทะลุหนึ่งหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เกินมูลค่าทุนรวมที่ระดมได้ทำได้ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อภูมิภาคฟื้นตัวจากวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยที่ทุกสายตาจับจ้องมาที่ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ในขณะนี้ ด้วยสภาพคล่องจำนวนมาก เห็นได้ชัดจากรายชื่อบริษัทที่เข้าจดทะเบียนจำนวนมากในภูมิภาคนี้ กระแสในบริษัท SPAC และศักยภาพของบริษัทในรูปแบบเศรษฐกิจใหม่ที่ยังถึงจุดสูงสุด

ท่ามกลางความไม่แน่นอนในกลุ่มตลาดทุน บริษัทได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวเพื่อรับมือกับความท้าทายที่เกิดขึ้นจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ด้วยศักยภาพการเติบโตและโอกาสที่ยังคงมีอยู่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีความเชื่อมั่นว่าตลาดทุนในภูมิภาคนี้จะประสบความสำเร็จในปี 65 ด้วยแหล่งเงินลงทุนที่หลากหลายและความสนใจที่เพิ่มมากขึ้นจากกองทุนความมั่งคั่งแห่งชาติในธุรกิจในเอเชีย

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 พ.ย. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top