นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ให้ความเห็นกับสำนักข่าวรอยเตอร์ในวันนี้ว่า ยักษ์ใหญ่ในวงการเทคโนโลยีอย่างเฟซบุ๊กและบรรดาผู้นำโลก ต้องผลักดันการดำเนินการต่าง ๆ ให้มากขึ้นกว่าเดิม เพื่อจัดการกับปัญหาการบ่มเพาะแนวคิดสุดโต่งในสังคมออนไลน์และความรุนแรงที่เกิดจากแนวคิดนั้น
เมื่อปี 2562 นางอาร์เดิร์นและประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสได้ร่วมกันเป็นประธานการประชุมสุดยอด Christchurch Call เพื่อมุ่งกำจัดเนื้อหาออนไลน์ที่เข้าข่ายก่อการร้าย และป้องกันไม่ให้เกิดเหตุร้ายเหมือนกับการโจมตีมัสยิดในเมืองไครสต์เชิร์ชในเดือนมี.ค. 2562 ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 51 ราย
ปัจจุบัน โครงการ Chistchurch Call มีประเทศต่าง ๆ รวมถึงองค์การนานาชาติและบริษัทด้านเทคโนโลยีรวมกว่า 50 แห่งเข้าร่วม รวมถึงเฟซบุ๊ก, กูเกิล, ทวิตเตอร์ และไมโครซอฟท์
นางอาร์เดิร์นระบุว่า โครงการดังกล่าวบรรลุเป้าหมายขั้นแรกแล้วด้วยการกำหนดมาตรการเพื่อรับมือวิกฤต เช่น เครือข่ายข้ามแพลตฟอร์มที่ทำงานตลอด 24 ชั่วโมงซึ่งจะสามารถลบเนื้อหาต่าง ๆ ออกได้อย่างรวดเร็ว หากเกิดเหตุการณ์เช่นในไครสต์เชิร์ชขึ้นอีกครั้ง
นางอาร์เดิร์นกล่าวว่า “เราได้ทดสอบการทำงานของระบบเหล่านี้ในสถานการณ์จริงแล้ว และพบว่าระบบทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ” และ “ดิฉันมั่นใจว่าปัจจุบันเราทำงานได้มีประสิทธิภาพมากกว่าในอดีต และความท้าทายขั้นต่อไปก็คือการผลักดันให้มีการดำเนินการต่าง ๆ มากขึ้น”
สำหรับคำถามที่ว่าบริษัทเทคโนโลยีต้องทำอย่างไรเพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว นางอาร์เดิร์นได้ให้คำตอบว่า “ควรทำมากกว่าที่เป็นอยู่อย่างมาก” พร้อมกับเสริมว่า แผนขั้นต่อไปคือการมุ่งเน้นการป้องกันเหตุด้วยการตรวจสอบว่าผู้ใช้สื่อออนไลน์นั้นค้นหาหรือเข้าถึงเนื้อหาที่ส่งเสริมความเกลียดชังหรือปลุกปั่นให้เกิดการก่อการร้ายได้จากแหล่งใด รวมถึงถูกชักจูงให้มีแนวคิดสุดโต่งได้อย่างไร
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (26 พ.ย. 64)
Tags: Chistchurch Call, จาซินดา อาร์เดิร์น, นิวซีแลนด์, สังคมออนไลน์, เอ็มมานูเอล มาครง