นายกรัฐมนตรีจาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ระบุในวันนี้ว่า นิวซีแลนด์จะเริ่มต้นเปลี่ยนมาใช้ระบบการอยู่ร่วมกับโควิด-19 ในสัปดาห์นี้ แม้เชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนจะกลายมาเป็นความเสี่ยงด้านสุขภาพใหม่ก็ตาม
ทั้งนี้ นางอาร์เดิร์นระบุว่า นิวซีแลนด์ยังไม่พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์โอไมครอนในประเทศ แต่สถานการณ์ทั่วโลกแสดงให้เห็นถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังบริเวณพรมแดน โดยระบุว่า “โอไมครอนคือเครื่องเตือนความจำว่ายังคงมีความเสี่ยงอยู่บริเวณพรมแดนของเรา”
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า นิวซีแลนด์คือหนึ่งในประเทศที่มีการควบคุมพรมแดนเข้มงวดที่สุดในโลก และวางแผนปิดพรมแดนต่อชาวต่างชาติส่วนใหญ่ต่อไปอีก 5 เดือน
นอกจากนี้ นิวซีแลนด์ยังได้ออกมาตรการพรมแดนใหม่สำหรับนักเดินทางจาก 9 ประเทศในแอฟริกาตอนใต้เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยจะอนุญาตให้พลเมืองของนิวซีแลนด์จากประเทศดังกล่าวสามารถเดินทางเข้าประเทศได้เท่านั้น และจะต้องกักตัวสังเกตอาการเป็นเวลา 14 วัน
นางอาร์เดิร์นกล่าวว่า โลกยังต้องการหลักฐานอีกเป็นจำนวนมากกว่าที่จะสรุปผลกระทบของไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนได้ “ไวรัสชนิดนี้อาจส่งผลกระทบต่อวัคซีนของเรา แต่ก็อาจจะไม่ส่งผลกระทบเช่นกัน อาจจะมีความรุนแรงมากกว่าหรือน้อยกว่าไวรัสสายพันธุ์เดลตาก็ได้…เรายังไม่ทราบแน่ชัด”
ด้านนายแอชลีย์ บลูมฟีลด์ อธิบดีกรมสุขภาพนิวซีแลนด์ได้ระบุว่า ทางการกำลังพิจารณาว่าจำเป็นต้องดำเนินการเพิ่มเติมบริเวณพรมแดนหรือไม่เพื่อสกัดไวรัสโอไมครอน
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (29 พ.ย. 64)
Tags: จาซินดา อาร์เดิร์น, นิวซีแลนด์, ผ่อนปรนมาตรการ, โอไมครอน