TRV ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 4.84 บาท สูงกว่าราคาขาย IPO 110.43%

หุ้น TRV ปิดเทรดช่วงเช้าที่ 4.84 บาท เพิ่มขึ้น 2.54 บาท (+110.43%) จากราคาขาย IPO ที่ 2.30 บาท/หุ้น มูลค่าซื้อขาย 1,619.56 ล้านบาท โดยเปิดตลาดที่ 4.72 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 5.35 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 4.40 บาท

บล.ทิสโก้ ระบุในบทวิเคราะห์ฯว่า จากการประมาณการเบื้องต้น มูลค่าที่เหมาะสมของบมจ.ที.อาร์.วี. รับเบอร์ โปรดักส์ (TRV) ในปี 65 อยู่ที่ 3.03 บาท (อิง P/E บริษัทที่มีลักษณะการประกอบธุรกิจ และขนาดคล้ายกัน แต่ให้พรีเมียมจากอัตรากำไรที่สูง ที่ 18 เท่า)

โดยคาดในระยะสั้นผลการดำเนินงานของบริษัทจะถูกหนุนโดยรายได้ และอัตรากำไรจากรายได้ของส่วนงานผลิตชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในยานยนต์ที่รับประโยชน์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมยานยนต์ซึ่งมีอัตรากำไรที่สูงกว่างานผลิตชิ้นส่วนยางในเครื่องใช้ไฟฟ้า (แต่อาจยังจำกัดเนื่องจากโรงงานของบริษัทใช้กำลังผลิตไปแล้วกว่า 90% ทำให้ปัจจัยในการเติบโตก่อนการเพิ่มกำลังการผลิตจะถูกหนุนโดย Product mix เป็นหลัก)

ส่วนระยะยาวจากแผนการทยอยซื้อเครื่องจักรจะช่วยเพิ่มกำลังผลิตขึ้นเกือบเท่าตัวหนุนทั้งรายได้จากการสามารถผลิตได้มากขึ้น และอัตรากำไรจาก Economy of scale ทั้งยังมีปัจจัยหนุนจากกระแสรถยนต์ไฟฟ้าที่อาจต้องใช้ชิ้นส่วนยางเพิ่มหนุนผลการดำเนินงาน นอกจากนี้จากการที่บริษัทมีทั้งส่วนงานผลิตชิ้นส่วนยางในรถยนต์ และชิ้นส่วนยางในเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้ ซึ่งทำให้รายได้ที่ค่อนข้างมีความสม่ำเสมอ และทนต่อปัจจัยลบ (จะเห็นได้จากช่วงที่มีการระบาดหนักของโควิด-19 ซึ่งทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ซบเซา แต่ด้วยกระแสการ WFH ทำให้มีอุปสงค์เพิ่มในเครื่องใช้ไฟฟ้า ช่วยพยุงรายได้ของบริษัทให้ลดลงไม่มาก โดยรายได้รวมในปี 63 ลดลงจากปี 62 เพียง 5.28%)

สำหรับความเสี่ยงเกี่ยวกับการดำเนินงานที่ต้องระวังคือ ราคาวัตถุดิบที่อาจปรับตัวสูงขึ้น เนื่องจากยางคอมปาวด์ที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตหลักของบริษัทมีวัตถุดิบขั้นต้นเป็นน้ำมันดิบ

TRV ดำเนินธุรกิจโดยผลิตและจัดจำหน่ายชิ้นส่วนยางขึ้นรูป ซึ่งแบ่งเป็น 3 กลุ่มผลิตภัณฑ์ ได้แก่ ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปใช้ในยานยนต์ ชิ้นส่วนยางขึ้นรูปใช้ในเครื่องใช้ไฟฟ้าและชิ้นส่วนยางขึ้นรูปอื่นๆ โดยมีลูกค้าส่วนใหญ่เป็นบริษัทจากประเทศญี่ปุ่น และส่วนใหญ่ส่งชิ้นส่วนให้ลูกค้าที่มีฐานการผลิตในประเทศเป็นหลัก

โครงการในอนาคตของบริษัท ดังนี้ บริษัทมีที่จะแผนลงทุนซื้อเครื่องจักรเพื่อเพิ่มกำลังการผลิตชิ้นส่วนยางขึ้นรูปในกลุ่มยานยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งจะทำให้มีกำลังการผลิตเพิ่มขึ้น 94.00 ล้านชิ้น โดยคาดว่าจะใช้เงินลงทุนรวมประมาณ 85.00 ล้านบาท และคาดว่าจะใช้เครื่องจักรดังกล่าวในการผลิตได้ในปี 65-68

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 ธ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top