นายสมชาย เลิศขจรกิตติ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์ (PACO) เปิดเผยว่า บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 65 จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1,000 ล้านบาท โดยได้รับปัจจัยหนุนจากการที่บริษัทเตรียมเปิดตัวสินค้าใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง อาทิ ออยล์คูลเลอร์ ไดชาร์จ และไดสตาร์ท เป็นต้น รวมไปถึงขยายไลน์แอร์รถยนต์ในกลุ่มรถหรู (Luxury Cars)
ขณะที่ล่าสุดภาครัฐบาลได้เตรียมออกมาตรการกระตุ้นตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งถือเป็นโครงการระยะยาวที่เชื่อว่าจะเข้ามาช่วยหนุนให้อุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศไทยกลับมาคึกคักขึ้น โดยบริษัทได้เริ่มเปิดตัวสินค้ากลุ่มใหม่เพื่อรองรับเทรนด์ใหม่ของโลกคือยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ไปบ้างแล้ว เริ่มจากผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่คูลเลอร์ ซึ่งเป็น 1 ในชิ้นส่วนสำคัญสำหรับรถยนต์ไฟฟ้า แบบ BEV และ PHEV (Plug-in Hybrid)
นอกจากนี้ บริษัทยังตั้งเป้าขยายตลาดในประเทศอย่างต่อเนื่อง ผ่านตัวแทนจำหน่ายทั่วประเทศ และ เครือข่ายร้านค้า PACO Auto Hub ที่บริษัทตั้งเป้าเพิ่มร้านค้าเป็น 300 สาขา จากปัจจุบันอยู่ที่ 200 สาขา
ด้านตลาดต่างประเทศบริษัทได้เตรียมเข้าไปตั้งสำนักงานขายและคลังสินค้าในประเทศมาเลเซีย ก่อนที่จะตั้งทีมจำหน่ายและส่งสินค้าไปจำหน่ายในช่วงไตรมาส 2/65 รวมทั้งจะเปิดตัวเครือข่ายร้านค้า PACO Auto Hub เพื่อที่จะทำการตลาดอย่างจริงจัง และบริษัทจะสามารถทำการตลาดได้ด้วยตัวเอง จากเดิมที่บริษัทมีการส่งออกสินค้าไปจำหน่ายผ่านตัวแทนขายมากว่า 20 ปี
ขณะที่ตลาดประเทศจีนปัจจุบันได้มีคำสั่งซื้อสินค้าเข้ามาแล้ว คาดว่าจะเริ่มส่งสินค้าเข้าไปจำหน่ายได้ตั้งแต่เดือน ม.ค.65 โดยเป็นช่วงการเริ่มต้นทดลองตลาด เนื่องจากมองว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ และหากมีการเติบโตดีบริษัทอาจจะมีการพิจารณาสร้างโรงงานเพิ่มเติมเพื่อรองรับกับกำลังซื้อที่จะเข้ามาเพิ่มมากขึ้น
“หลังจากที่สถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 คลี่คลาย ส่งผลให้อุตสาหกรรมยานยนต์กลับมาฟื้นตัวทั่วโลก โดยจะหนุนให้คำสั่งซื้อชิ้นส่วนยานยนต์กลับมาเติบโตด้วย ในขณะเดียวกันบริษัทยังคงเดินหน้าออกผลิตภัณฑ์ใหม่ๆอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับความต้องการที่หลากหลาก และเชื่อว่าจะผลักดันให้รายได้เติบโตไปตามเป้าหมายที่วางไว้”
นายสมชาย กล่าว
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (21 ธ.ค. 64)
Tags: PACO, สมชาย เลิศขจรกิตติ, หุ้นไทย, เพรสซิเด้นท์ ออโตโมบิล อินดัสทรีส์