MVP มั่นใจรายได้ธุรกิจ Metaverse เสริมแกร่งธุรกิจหลักเดิมฟื้นหนุนปี 65 โตพุ่ง

นายโอภาส เฉิดพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอ็ม วิชั่น (MVP) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลการดำเนินงานในปี 65 บริษัทคาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีนี้อย่างโดดเด่น หลังจากบริษัทปรับเปลี่ยนการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสู่ธุรกิจด้านเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อสร้างรายได้ใหม่ๆ เข้ามา โดยเฉพาะธุรกิจด้านบล็อกเชน และ Metaverse ทำให้ปัจจุบันสัดส่วนรายได้ที่มาจากธุรกิจเทคโนโลยีมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นมามากกว่าธุรกิจเดิมที่เกี่ยวข้องกับการจัดงานอีเว้นท์และการท่องเที่ยวอย่างมีนัยสำคัญ

ในปี 65 ธุรกิจด้านเทคโนโลยียังมีโปรเจ็คต์ใหม่ๆ ที่ออกมาเพิ่มเติม โดยเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ Meatavers ซึ่งจะมีการเปิดพื้นที่ในประเทศใหม่ๆ เพิ่มอีก 5 ประเทศภายใต้โปรเจ็คต์ Metaverse Global ซึ่ง MVP ได้เข้าไปเป็นผู้ร่วมให้บริการขายพื้นที่ บริหารพื้นที่ รวมถึงทำการตลาดและโฆษณา

ปัจจุบัน Metaverse Global ได้เปิดพื้นที่ไปแล้วใน 2 ประเทศ คือ ประเทศไทย และในเมืองดูไบของสหรัฐฯอาหรับเอมิเรต โดยที่พื้นที่ใน Metaverse ของประเทศไทยในเฟส 1 ที่ทองหล่อมีจำนวน 89,000 บล็อกได้มีผู้เข้ามาจองซื้อไปครบแล้ว และเตรียมเปิดเฟส 2 ในช่วงต้นปี 65 หลังจากที่บริษัทจะมีการทดสอบระบบและได้รับการอนุญาตจากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในระบบเรียบร้อย

ขณะที่พื้นที่ Metaverse ในเมืองดูไบของสหรัฐฯอาหรับเอมิเรตบริเวณ Palm Spring พื้นที่รวม 280,000 บล็อก เปิดให้จองซื้อในรอบแรกเมื่อวานนี้ (วันที่ 21 ธ.ค. 64) ระยะเวลา 30 นาที มีผู้สนใจเข้ามาจองซื้อไปแล้วกว่า 8,000 บล็อก และจะเปิดรอบ 2 ในวันนี้ (วันที่ 22 ธ.ค. 64) เวลา 15.00 น. ระยะเวลาจองซื้อ 30 นาที คาดว่าจะมีผู้สนใจเข้ามาจองเพิ่มเติม ซึ่งยังมองว่าใน 2 รอบแรกส่วนใหญ่ยังคงเป็นคนไทยที่เข้ามาจองซื้อพื้นที่ดังกล่าว และหลังจากนี้คาดว่าจะมีชาวดูไบและขาวต่างชาติเข้ามาจองซื้อที่ดิน Metaverse ในดูไบเพิ่มขึ้น

นายโอภาส กล่าวว่า กระแส Meetaverse ที่กำลังจะได้รับความนิยมมากขึ้นในอนาคตมองว่าเป็นโอกาสที่สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจและสร้างโอกาสในการสร้างรายได้ใหม่ของบริษัท ปัจจุบันรายได้ที่มาจาก Metaverse มาจากการจัดหาที่ดิน การบริหารที่ดิน การทำการตลาด และการโฆษณา ซึ่งในอนาคตหากมีการจัดงานต่างๆในโลกของ Metaverse บริษัทก็จะมีช่องทางสร้างรายได้จากการรับจัดงานในโลก Metaverse เข้ามาเสริมได้เช่นกัน โดยบริษัทวางงบลงทุนไว้ที่ 8 ล้านบาทในปี 65

ด้านธุรกิจหลักเดิมนั้น บริษัทได้ทำงานร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ในการพัฒนาระบบที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว โดยใช้ประโยชน์จากบล็อกเชนและโทเคน ซึ่งจะเป็นส่วนที่เข้ามาช่วยในการผลักดันภาคการท่องเที่ยวไทยให้ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลมากขึ้น ซึ่งจะเห็นความชัดเจนในช่วงต้นปี 65

และในส่วนของรถบ้านคาราวานของบริษัทนั้น หากการท่องเที่ยวไทยกลับมาฟื้นตัวขึ้นได้ดี บริษัทวางแผนในปี 65 จะเพิ่มจำนวนรถบ้านคาราวานอีก 200 คัน จากปัจจุบันมีอยู่ 148 คัน ซึ่งยังคงต้องดูสถานการณ์ของการแพร่ระบาดโควิด-19 ในปีหน้าว่าจะคลี่คลายลงอย่างชัดเจนหรือไม่ รวมถึงการกระตุ้นให้ผู้ที่ถือเหรียญ MVP Coin นำเหรียญไปใช้บริการต่างๆ ที่บริษัทได้เข้าร่วม ซึ่งจะทำให้บริษัทมีรายได้เข้ามา โดยปัจจุบันบริษัทมีการรับรู้รายได้จาก MVP Coin เข้ามาแล้ว 82 ล้านบาท เหลืออีก 147 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้เข้ามาในปี 65

ส่วนธุรกิจการจัดงานอีเว้นท์ในปี 65 บริษัทวางแผนการจัดงาน Mobile Expo 2 ครั้ง ได้แก่ ช่วงเดือนก.พ. 65 ที่ไบเทคบางนา และในเดือนต.ค. 65 ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ซึ่งจะมีพื้นที่การจัดงานที่มีขนาดใหญ่กว่าไบเทคบางนาถึง 2 เท่า โดยที่บริษัทประเมินว่าหากในปีหน้าสามารถกลับมาจัดงานจัดงาน Mobile Expo ได้ตามแผน จะทำให้รายได้จากการจัดงานกลับมาหนุนธุรกิจให้ฟื้นตัวได้อย่างโดดเด่นมาก

“ผลการดำเนินงานของ MVP ได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว หลังจากที่เรามีการปรับตัวเข้าสู่ธุรกิจเทคโนโลยี ซึ่งสามารถสร้างรายได้ใหม่ๆเข้ามาได้มาก และไม่ได้รับผลกระทบจากโควิดเหมือนกับธุรกิจหลักของเรา ซึ่งในปีนี้ก็คาดว่าผลขาดทุนคงจะไม่มีแล้ว ก็คงจะมีกำไรได้ และเติบโตขึ้นต่อเนื่องในปีหน้า”

นายโอภาส กล่าว

ทั้งนี้ MVP จะมีการย้ายกลุ่มอุตสาหกรรมในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) จากกลุ่มธุรกิจบริการไปเป็นธุรกิจเทคโนโลยีในช่วงต้นปี 65 หลังจากสัดส่วนรายได้จากธุรกิจเทคโนโลยีมีมากกว่าธุรกิจจัดงานอีเว้นท์ค่อนข้างมาก ทำให้บริษัทได้มีการปรึกษากับตลาดหลักทรัพย์ฯในการย้ายกลุ่มธุรกิจดังกล่าว

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (22 ธ.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top