ไวรัสกลายพันธุ์พ่นพิษ อังกฤษติดโควิดพุ่งเป็นประวัติการณ์เกือบ 6 หมื่นรายในวันเดียว

กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวนมากถึง 58,784 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงกว่า 50,000 รายติดต่อกันเป็นวันที่ 7 และเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งขึ้นเป็น 2,713,563 ราย

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 407 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ระดับ 75,431 ราย

รายงานดังกล่าวมีขึ้น ท่ามกลางความวิตกเกี่ยวกับการกลายพันธุ์ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ ซึ่งทำให้มีการแพร่เชื้อรวดเร็วกว่าเดิมถึง 70%

อย่างไรก็ดี นายแมทท์ แฮนค็อก รมว.สาธารณสุขอังกฤษ กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความเสี่ยง และสร้างความกังวลมากกว่าสายพันธุ์ที่พบในอังกฤษ

“ผมมีความวิตกอย่างมากเกี่ยวกับสายพันธุ์แอฟริกาใต้ และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราสั่งระงับเที่ยวบินทั้งหมดที่มาจากแอฟริกาใต้ นี่เป็นปัญหาที่ใหญ่มาก และสร้างปัญหามากกว่าสายพันธุ์อังกฤษ”

นายแฮนค็อกกล่าวในการให้สัมภาษณ์ต่อสำนักข่าวบีบีซี

ขณะนี้ อังกฤษและแอฟริกาใต้กำลังเผชิญกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการกลายพันธุ์ และทำให้ไวรัสมีการแพร่ระบาดได้รวดเร็วขึ้น

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ถึงแม้ว่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่มีการแพร่ระบาดที่รวดเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ได้ทำให้ไวรัสมีความรุนแรงมากขึ้น และคาดว่าวัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค รวมทั้งแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดจะสามารถป้องกันไวรัสสายพันธุ์ใหม่ดังกล่าว

อย่างไรก็ดี ศจ.จอห์น เบลล์ จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์แอฟริกาใต้มีความน่าวิตก เนื่องจากมีการกลายพันธุ์ในหลายด้าน และมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากในโครงสร้างโปรตีนของไวรัส

ศจ.เบลล์กล่าวว่า ยังคงมีคำถามว่า วัคซีนของไฟเซอร์/ไบโอเอ็นเทค รวมทั้งแอสตร้าเซนเนก้า/มหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดจะไร้ประสิทธิภาพในการรับมือต่อการกลายพันธุ์ดังกล่าวหรือไม่

ศจ.เบลล์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่จากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ดกำลังวิจัยผลกระทบจากไวรัสสายพันธุ์ใหม่ที่มีต่อวัคซีนในขณะนี้ แต่เขาเชื่อว่าวัคซีนดังกล่าวยังคงสามารถป้องกันไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์อังกฤษ แต่เขาไม่แน่ใจเกี่ยวกับประสิทธิภาพต่อสายพันธุ์แอฟริกาใต้

สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (5 ม.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top