ดาวโจนส์ปิดบวก 56.84 จุด ขานรับไบเดนเล็งกระตุ้นศก.หลายล้านล้านดอลล์

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดปรับตัวขึ้นเมื่อคืนนี้ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับความหวังเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มเติม หลังจากนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐเปิดเผยว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของเขาจะมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งตลาดได้ดีดตัวขึ้นขานรับความเห็นดังกล่าว หลังจากที่ปรับตัวลงในช่วงแรกจากการเปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ลดลงสวนทางคาดการณ์

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,097.97 จุด เพิ่มขึ้น 56.84 จุดหรือ +0.18%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,824.68 จุด เพิ่มขึ้น 20.89 จุดหรือ +0.55%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,201.98 จุด เพิ่มขึ้น 134.50 จุดหรือ +1.03%

ในรอบสัปดาห์นี้ ดัชนีดาวโจนส์ เพิ่มขึ้น 1.61%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 1.83% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.43% โดยดัชนีดาวโจนส์และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นเป็นสัปดาห์ที่ 4 ติดต่อกันแล้ว

ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้น โดยได้แรงหนุนจากข้อมูลเชิงบวกเกี่ยวกับวัคซีนต้านโรคโควิด-19 และจากการคาดการณ์ที่ว่าสหรัฐจะออกมาตรการกระตุ้นด้านการคลังและการใช้จ่ายด้านโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้นภายใต้การบริหารของรัฐบาลชุดใหม่ของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ซึ่งปัจจัยบวกดังกล่าวได้ช่วยหนุนดัชนี S&P500 พุ่งทะลุระดับ 3,800 จุดได้เป็นครั้งแรก

นายไบเดนเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของคณะบริหารของเขาจะประกอบด้วยเงินประกันการว่างงาน และการพักชำระหนี้ค่าเช่า โดยจะมีการประกาศมาตรการดังกล่าวในวันพฤหัสบดีหน้า

“จำเป็นที่จะต้องใช้จ่ายเงินในตอนนี้หรือไม่ คำตอบคือ ใช่ และจะเป็นมาตรการที่มีวงเงินทั้งหมดหลายล้านล้านดอลลาร์”

นายไบเดนระบุ

ตลาดยังขานรับรายงานข่าวที่ว่า บริษัทไฟเซอร์ได้เผยแพร่ผลการวิจัยที่ดำเนินการร่วมกับนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเท็กซัสระบุว่า วัคซีนต้านโรคโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาขึ้นร่วมกับไบโอเอ็นเทคนั้น ดูเหมือนจะมีประสิทธิภาพในการจัดการกับไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ที่กลายพันธุ์ในอังกฤษและแอฟริกาใต้

นอกจากนี้ นักลงทุนในตลาดไม่ได้สนใจรายงานข่าวที่ว่า สมาชิกสภาของพรรคเดโมแครตวางแผนที่จะยื่นญัตติเพื่อถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่งก่อนครบวาระในวันจันทร์ที่จะถึงนี้ หลังจากกลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์บุกเข้าไปก่อเหตุรุนแรงในรัฐสภาเมื่อวันพุธที่ผ่านมา

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มของดัชนี S&P500 ปิดบวก โดยกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือยปรับตัวขึ้นมากที่สุด 1.8% และกลุ่มวัสดุปรับตัวลงมากที่สุด 0.51%

หุ้นเทสลา พุ่งขึ้น 7.8% ส่งผลให้มูลค่าตลาดของหุ้นเทสลาพุ่งขึ้นมากกว่า 8 แสนล้านดอลลาร์เป็นครั้งแรก และเป็นหุ้นที่ปรับตัวขึ้นเป็นเปอร์เซนต์มากที่สุดในดัชนี S&P500

หุ้นไป่ตู้ของจีนซึ่งจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 15.6% โดยได้แรงหนุนจากแผนการของไป่ตู้ที่จะจัดตั้งบริษัทเพื่อผลิตรถยนต์ไฟฟ้าอัจฉริยะ โดยหุ้นไป่ตู้พุ่งขึ้นมากที่สุดในดัชนี Nasdaq

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสำคัญที่มีการเปิดเผยเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐรายงานว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 140,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง ส่วนอัตราการว่างงานทรงตัวที่ระดับ 6.7% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 6.8%

บรรดานักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนธ.ค.จะเป็นปัจจัยผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ภายใต้การนำของนายโจ ไบเดน เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (9 ม.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top