เงินบาทเปิด 30.15/19 ต่อดอลล์ อ่อนค่าหลังดอลล์แข็ง คาดหวังมาตรการกระตุ้นสหรัฐหนุนศก.ฟื้น

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงเทพ เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 30.15/19 บาท/ดอลาร์ อ่อนค่าจากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 30.07 บาท/ดอลลาร์

เงินบาทเช้านี้อ่อนค่าลงจากช่วงเย็นวันศุกร์ ซึ่งเป็นผลจากดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เนื่องจากนักลงทุนให้ความคาดหวังกับมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ของสหรัฐฯ ภายใต้รัฐบาลชุดใหม่ของประธานาธิบดี โจ ไบเดน ว่าจะมีส่วนช่วยฟื้นเศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้

“บาทอ่อนค่าต่อ วันนี้ราคาทองก็ลง ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่นๆ เพราะนักลงทุนคาดหวังว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ น่าจะฟื้นตัวได้ จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่นี้”

นักบริหารเงินระบุ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 30.15-30.30 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (8 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.35148% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.35107%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 104.16 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 103.80 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.2180 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.2237 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 30.104 บาท/ดอลลาร์
  • ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักๆ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กเมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนขานรับแนวโน้มที่รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่ของว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน จะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่
  • ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรลดลง 140,000 ตำแหน่งในเดือนธ.ค. สวนทางกับที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะเพิ่มขึ้น 50,000 ตำแหน่ง ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่าตัวเลขการจ้างงานที่อ่อนแอในเดือนธ.ค. จะเป็นปัจจัยผลักดันให้รัฐบาลสหรัฐชุดใหม่เร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ เพื่อเยียวยาผลกระทบจากโรคโควิด-19
  • สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนก.พ. ร่วงลง 78.20 ดอลลาร์ หรือ 4.09% ปิดที่ 1,835.40 ดอลลาร์/ออนซ์ และร่วงลงราว 3.2% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดร่วงลงมากกว่า 4% เมื่อวันศุกร์ (8 ม.ค.) โดยเป็นการร่วงลงวันเดียวมากที่สุดนับตั้งแต่ต้นเดือนพ.ย. เนื่องจากถูกกระทบจากการดีดตัวขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้น
  • กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจจีนจะขยายตัว 7.9% ในปี 2564 หลังขยายตัว 1.9% ในปี 2563 เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจีนจะยังคงปรับตัวเข้าสู่ภาวะปกติ และจีนยังคงสามารถควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ภายในประเทศได้
  • สหรัฐฯ จะรายงานข้อมูลเศรษฐกิจที่สำคัญในสัปดาห์นี้ ได้แก่ อัตราเงินเฟ้อเดือนธ.ค., รายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ (Beige Book) จากธนาคารกลางสหรัฐ, จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนธ.ค. และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนม.ค. เป็นต้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 ม.ค. 64)

Tags: , ,
Back to Top