LPH วางงบ 1.2 พันลบ.ร่วมทุน รพ.นอกตลาดหุ้น-เดินหน้าบ้านพักผู้สูงวัย

นายอังกูร ฉันทนาวานิช ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.โรงพยาบาลลาดพร้าว (LPH) เปิดเผยว่า ในปี 64 บริษัทวางงบลงทุนไว้ประมาณ 1,200 ล้านบาท แบ่งเป็น

  1. การเจรจากับพันธมิตร เพื่อเข้าไปลงทุนในโรงพยาบาลเอกชนที่อยู่ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ปริมณฑล 1 ราย ซึ่งเป็นโรงพยาบาลที่อยู่นอกตลาดหลักทรัพย์ฯ แต่มีกำไรที่ดี ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจรจาราคาที่จะเข้าไปลงทุน เบื้องต้นวางงบลงทุนไว้ประมาณ 800 ล้านบาท คาดใช้ระยะเวลา 6 เดือน เพื่อสรุปความชัดเจนว่าจะลงทุนหรือไม่ โดยหากบริษัทเข้าลงทุนแล้วในอนาคตมีแผนที่จะนำโรงพยาบาลดังกล่าว เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ต่อไป
  2. แผนการลงทุนโครงการบ้านพักผู้สูงอายุ บริษัทสนใจซื้อวิลลาที่เขาใหญ่ ซึ่งเดิมผู้ประกอบการจะทำเป็นวิลล่า แต่เมื่อเจอสถานการณ์โควิด-19 การก่อสร้างได้หยุดชะงัก จึงมีแผนจะปรับมาเป็นบ้านพักผู้สูงอายุ สอดคล้องกับนโยบายบริษัท ด้วยมูลค่าราว 250 ล้านบาท ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจาคาดชัดเจนในไตรมาส 1/64 ซึ่งทั้ง 2 โครงการ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ รับหลักการไปแล้ว รอเสนอที่ประชุมผู้ถือหุ้นในเดือน เม.ย.2564

ส่วนปี 65 มีแผนสร้างโรงพยาบาลอีก 2 แห่ง เป็นโรงพยาบาลตา และโรงพยาบาลเฉพาะทาง ขนาด 30 เตียง โดยจะเป็นศูนย์โรคหัวใจ ตับ ไต ห้องไอซียู ห้องผ่าตัดที่ทันสมัย เพื่อยกระดับโรงพยาบาล ลาดพร้าว เป็นโรงพยาบาลระดับสูงที่ทันสมัย มีแพทย์เฉพาะทางที่เก่ง ในบริเวณพื้นที่โรงพยาบาลเดิม (เช่า 30 ปี) มูลค่ารวมประมาณ 400 ล้านบาท หรือลงทุน 200 ล้านบาทต่อโครงการ และการลงทุนการขยายพื้นที่บริการอาคารจอดรถอัจฉริยะ จะใช้เวลานาน 1 ปี จากเดิม 6 เดือน คาดว่าก่อสร้างแล้วเสร็จปี 64

ขณะที่การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ มองว่าจะสามารถควบคุมได้ และโรงพยาบาลเอกชนได้ผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว โดยปัจจุบันทางโรงพยาบาลฯ ได้มีให้บริการโปรแกรมการตรวจคัดกรองโรคหาภูมิคุ้มกันโควิด-19 รองรับบริการ

นายอังกูร กล่าวอีกว่า แผนธุรกิจปี 64 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้เติบโต 15-20% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยจะกลับมาเติบโตในระดับปกติ เนื่องจากปีนี้โรงพยาบาลได้โควต้าผู้ป่วยประกันสังคมเพิ่มขึ้นอีก 10,000 คน จากเดิม 1.61 แสนคน เป็น 1.71 แสนคน คาดหนุนรายได้ส่วนนี้เพิ่มขึ้น 5%

ประกอบกับจำนวนฐานผู้ป่วยเงินสดเดิมที่ยังเหนียวแน่น และฐานผู้ป่วยเงินสดใหม่ขยายตัว ในฐานะโรงพยาบาลเอกชนขนาดกลางที่ให้บริการในเขตที่มีประชากรหนาแน่น และไม่ได้มีการขึ้นอัตราค่ารักษาสุขภาพในช่วงเกิดวิกฤติการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 จึงประเมินว่ารายได้ส่วนนี้จะขยายตัวมากถึง 25-30% จากปี 63

นอกจากนี้ ทางโรงพยาบาลลาดพร้าว ยังได้เพิ่มแพทย์เฉพาะทางมากขึ้น ทำให้ผู้ป่วยเกิดความเชื่อมั่นในการเลือกการรักษากับหมอที่เก่งในราคาที่เหมาะสม ขณะที่การก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 64 ทำให้ปัญหาการจราจรเริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 มี.ค. 64)

Tags: , , , , , ,
Back to Top