ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 603.14 จุด รับข่าววัคซีน-แผนกระตุ้นศก.คืบหน้า

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นกว่า 600 จุดเมื่อคืนนี้ (1 มี.ค.) ทำสถิติทะยานขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2563 หลังสหรัฐอนุมัติการใช้วัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน นอกจากนี้ ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการอ่อนตัวลงของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐ รวมทั้งการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 31,535.51 จุด พุ่งขึ้น 603.14 จุด หรือ +1.95%
  • ขณะที่ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,901.82 จุด เพิ่มขึ้น 90.67 จุด หรือ +2.38% และ
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,588.83 จุด เพิ่มขึ้น 396.48 จุด หรือ +3.01%

ข้อมูลจาก Dow Jones Market Data ระบุว่า ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 2563 ขณะที่ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 5 มิ.ย. 2563 และดัชนี Nasdaq พุ่งขึ้นในวันเดียวที่แข็งแกร่งที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 4 พ.ย. 2563

ตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นหลังจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคของสหรัฐ (CDC) มีมติเป็นเอกฉันท์ให้การรับรองวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน หลังจากที่วัคซีนดังกล่าวผ่านการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐ (FDA) เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยข่าวดังกล่าวช่วยหนุนราคาหุ้นจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ดีดตัวขึ้น 0.54%

ตลาดยังได้ปัจจัยบวกจากการที่สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติให้ความเห็นชอบต่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และขณะนี้อยู่ในระหว่างการพิจารณาของวุฒิสภา ก่อนที่จะส่งให้ประธานาธิบดีโจ ไบเดนลงนามรับรองเป็นกฎหมาย

นอกจากนี้ นักลงทุนยังคลายความวิตกกังวลหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงแตะระดับ 1.43% เมื่อคืนนี้ หลังจากพุ่งสู่ระดับ 1.6% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563 โดยก่อนหน้านี้ตลาดถูกกดดันอย่างหนักเนื่องจากการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรทำให้นักลงทุนกังวลว่าจะทำให้ผู้บริโภคและบริษัทต่างๆเผชิญกับต้นทุนที่สูงขึ้นในการชำระหนี้

หุ้นทั้ง 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้นทั้งหมด นำโดยหุ้นกลุ่มที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ซึ่งรวมถึงหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มธนาคาร โดยในส่วนของกลุ่มเทคโนโลยีนั้น หุ้นแอปเปิล พุ่งขึ้น 5.39% หุ้นอินเทล พุ่งขึ้น 3.46% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 1.96% หุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.83%

ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารนั้น หุ้นซิตี้กรุ๊ป ทะยานขึ้น 5.52% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ พุ่งขึ้น 3.2% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ปรับขึ้น 3.98% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา พุ่งขึ้น 3.11%

หุ้นกลุ่มสายการบินดีดตัวขึ้นขานรับความหวังเกี่ยวกับการเปิดเศรษฐกิจในเร็วๆนี้ โดยหุ้นอเมริกัน แอร์ไลน์ เพิ่มขึ้น 1.15% หุ้นยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ดีดขึ้น 1.2% หุ้นเจ็ทบลู แอร์เวย์ส บวก 0.27%

หุ้นโบอิ้ง ทะยานขึ้น 5.84% หลังจากสายการบินยูไนเต็ด แอร์ไลน์ สั่งซื้อเครื่องบินโบอิ้ง 737 MAX จำนวน 25 ลำ เพื่อเตรียมรองรับความต้องการการเดินทางที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นหลังมีการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากข้อมูลเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ โดยกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า การใช้จ่ายด้านการก่อสร้างพุ่งขึ้น 1.7% ในเดือนม.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สู่ระดับ 1.521 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ที่เริ่มมีการเก็บรวบรวมข้อมูลในปี 2545 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.8%

ทางด้านสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM) เปิดเผยว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งสู่ระดับ 60.8 ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2561 และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 58.9 จากระดับ 58.7 ในเดือนม.ค.

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขจ้างงานภาคเอกชนเดือนก.พ.จาก ADP, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นสุดท้ายเดือนก.พ.จากมาร์กิต, ดัชนีภาคบริการเดือนก.พ.จากสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ISM), จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนม.ค., ตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนก.พ. และดุลการค้าเดือนม.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 มี.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top