นายกฯ พอใจโมเดล “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” ดันส่งออกสินค้าเกษตรโตสวนภาพรวม

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก ทำให้ตัวเลขการส่งออกของทุกประเทศลดลง แต่ภาคการเกษตรของไทย โดยเฉพาะการส่งออกผลไม้สดในปีที่ผ่านมามีการขยายตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 15.4% ปริมาณ 1.64 แสนตัน มูลค่า 104,258 ล้านบาท สวนทิศทางการส่งออกในภาพรวมที่ติดลบ 6%

ทั้งนี้สืบเนื่องจากคุณภาพของสินค้าเกษตรไทย ภาคเอกชนที่มีศักยภาพ และการใช้โมเดล “เกษตรผลิต-พาณิชย์ตลาด” ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ที่เป็นการปูทางเรื่องตลาดต่างประเทศให้แก่ภาคเอกชน โดยมุ่งเป้าการขยายตลาด เจาะตลาด เพิ่มช่องทางการตลาดทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ให้สอดคล้องกับรสนิยมผู้บริโภค และด้านการผลิตต้องให้ตรงกับความต้องการทั้งเรื่องคุณภาพและความปลอดภัย

“นายกรัฐมนตรีพึงพอใจอย่างมากต่อผลการดำเนินการทีทั้งสองกระทรวงร่วมกันผลักดันโมเดลดังกล่าวจนเกิดผลอย่างเป็นรูปธรรม”

น.ส.รัชดา กล่าว

ทั้งนี้ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.พาณิชย์ ได้รายงานว่า ได้สั่งการให้ทูตพาณิชย์ทั้ง 58 แห่ง ใน 43 ประเทศทั่วโลก เร่งประเมินความต้องการของตลาดและสถานการณ์การส่งออกที่จะช่วยหนุนรายได้เข้าประเทศ ตั้งเป้าหมายการส่งออกรายประเทศและรายสินค้า ต้องขยายตัว หรือเติบโตที่ 4% พร้อมนี้ต้องรุกตลาดอีคอมเมิร์ซ จับมือแพลตฟอร์มพันธมิตรออนไลน์ กระจายสินค้าไทยไปสู่ตลาดใหญ่ๆ สำคัญของโลก เช่น อินเดีย, สหรัฐอเมริกา และจีน ผลักดันให้ไทยให้เป็นศูนย์กลางสินค้าเกษตรและอาหารคุณภาพของโลก

ขณะเดียวกันนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานว่า กระทรวงฯได้ขับเคลื่อนแบบองค์รวม พัฒนาระบบผลิตจนถึงผู้บริโภคด้วยนโยบาย “เกษตรปลอดภัย อาหารปลอดภัย”สร้างความเชื่อมั่นผู้บริโภคด้วยมาตรฐานGAP GMP เป็นต้น และล่าสุดได้มีการขยายความร่วมมือกับจีน ซึ่งจะสามารถส่งออกผลไม้ไปจีนได้ไม่น้อยกว่า 7 หมื่นล้านบาท

น.ส.รัชดา กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีเน้นย้ำเรื่องการทำงานแบบบูรณาการ ไม่ว่าจะปัญหาเศรษฐกิจหรือปัญหาสังคม เพียงหน่วยงานเดียวหรือภาครัฐฝ่ายเดียวไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้ลุล่วงได้สมบูรณ์ การทำงานเป็นทีมประเทศไทย รัฐ-เอกชน-ประชาชน จะทำให้ประเทศมีความเจริญก้าวหน้า โมเดล “เกษตรผลติด-พาณิชย์ตลาด” เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการทำงานอย่างบูรณาการจากต้นน้ำสู่ปลายน้ำ ซึ่งผลประโยชน์สุดท้ายก็จะเกิดแก่ประชาชน-เกษตรกร ที่จะมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (5 มี.ค. 64)

Tags: , , , , , , ,
Back to Top