นางเมลินดา เกตส์ ประธานร่วมของมูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์ ได้เรียกร้องให้รัฐบาลสหรัฐขยายโครงการสิทธิการลาหยุดงานเพื่อดูแลครอบครัว (Paid Family Medical Leave) ให้ครอบคลุมแรงงานทั่วประเทศ โดยอ้างถึงผลกระทบจากวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขของโลกในขณะนี้ รวมไปถึงผลกระทบจากสภาพเศรษฐกิจถดถอยที่มีต่อผู้หญิง
นางเกตส์กล่าวระหว่างให้การสัมภาษณ์ทางสถานีโทรทัศน์ CNBC เมื่อวานนี้ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้ทำให้ปัญหาเรื่องการดูแลบุตรในสหรัฐถูกละเลย
“การจะสร้างและฟื้นฟูเศรษฐกิจขึ้นมาใหม่ สิ่งหนึ่งที่สภาคองเกรสจำเป็นต้องทำคือการพิจารณาเรื่องสิทธิการลาหยุดงานเพื่อดูแลครอบครัว ซึ่งควรมีการกำหนดขึ้นนานแล้วในสหรัฐ ประเทศเราจะไม่สามารถฟื้นตัวได้อย่างเข้มแข็งหรือรวดเร็วเท่าที่ควร หากเราไม่หันมาสนใจโครงสร้างพื้นฐานในส่วนนี้ซึ่งได้ถูกละเลยมานานเกินไปแล้ว”
นางเกตส์กล่าวระหว่างการพูดคุยในรายการ Closing Bell
รายงานข่าวระบุว่า คำพูดของนางเกตส์มีการเผยแพร่ออกมาในวันสตรีสากล (8 มี.ค.) ซึ่งเกิดจากการที่องค์กรระดับโลกต่างๆ ต้องการยกย่องความสำเร็จของผู้หญิง รวมไปถึงบทบาทสำคัญที่ผู้หญิงมีต่อสังคม การวางแผนโครงการสิทธิการลาดังกล่าวมีความสำคัญต่อผู้หญิงวัยทำงานอย่างยิ่ง แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นประโยชน์ต่อผู้ชายที่ต้องการดูแลบุตรหรือสมาชิกครอบครัวที่ล้มป่วยด้วยเช่นกัน
สิทธิการลาหยุดงานเพื่อดูแลครอบครัวเป็นส่วนหนึ่งของโครงการประกันรายได้ที่ทำให้ลูกจ้างสามารถลาหยุดได้โดยยังมีรายได้อยู่ โดยสิทธิการลาดังกล่าวสามารถใช้เพื่อลาไปดูแลบุตรวัยแรกเกิดหรือสมาชิกครอบครัวที่ล้มป่วยหนักได้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (9 มี.ค. 64)
Tags: มูลนิธิบิลและเมลินดา เกตส์, สหรัฐ, สิทธิการลาหยุดงาน, เมลินดา เกตส์, แรงงาน