ดาวโจนส์ปิดบวก 188.57 จุด รับไบเดนลงนามกระตุ้นศก.-ข้อมูลแรงงานสดใส

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นทำนิวไฮติดต่อกันเป็นวันที่ 2 เมื่อคืนนี้ (11 มี.ค.) ขานรับข่าวประธานาธิบดีโจ ไบเดนแห่งสหรัฐลงนามในร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์เพื่อเยียวยาผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากตัวเลขผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,485.59 จุด เพิ่มขึ้น 188.57 จุด หรือ +0.58%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,939.34 จุด เพิ่มขึ้น 40.53 จุด หรือ +1.04%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,398.67 จุด เพิ่มขึ้น 329.84 จุด หรือ +2.52%

ปธน.ไบเดนได้ลงนามในร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์แล้วเมื่อวานนี้ตามเวลาสหรัฐ (11 มี.ค.) หลังจากร่างกฎหมายได้ผ่านความเห็นชอบจากทั้งสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสหรัฐ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19

ร่างกฎหมายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับล่าสุดนี้นับเป็นฉบับที่ 6 ที่สภาคองเกรสสหรัฐให้การอนุมัตินับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 เมื่อกว่า 1 ปีที่ผ่านมา และการลงนามของปธน.ไบเดนจะทำให้ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกบังคับใช้เป็นกฎหมายก่อนวันที่ 14 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานในปัจจุบันจะหมดอายุลง

ตลาดยังได้รับปัจจัยหนุนจากข้อมูลแรงงานที่สดใสของสหรัฐ โดยกระทรวงแรงงานสหรัฐระบุว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงสู่ระดับ 712,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนพ.ย.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 725,000 ราย

หุ้น 8 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น นำโดยดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีพุ่งขึ้น 2.12% โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 3.39% หุ้นแอปเปิล เพิ่มขึ้น 1.65% หุ้นไมโครซอฟท์ ดีดขึ้น 2.03% หุ้นแอมะซอนดอทคอม บวก 1.83% หุ้นอินเทล บวก 1.7%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมได้รับปัจจัยหนุนจากความหวังที่ว่าเศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวหลังมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยหุ้นโบอิ้ง พุ่งขึ้น 2.71% หุ้นยูไนเต็ด เทคโนโลยีส์ บวก 0.64%

หุ้นโมเดอร์นา พุ่งขึ้น 8.26% หลังมีรายงานว่า โมเดอร์นาและไฟเซอร์ เตรียมส่งมอบวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ให้กับสวิตเซอร์แลนด์อีก 1 ล้านโดสภายในเดือนนี้ หลังจากที่ส่งมอบวัคซีนไปแล้วจำนวน 1.1 ล้านโดสในเดือนม.ค.และก.พ.ที่ผ่านมา

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับต่ำกว่า 1.5% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ร่วงลง 1.77% หุ้นเจพีมอร์แกน เชส ปรับตัวลง 0.52% หุ้นแบงก์ ออฟ อเมริกา ลดลง 0.35%

หุ้นออราเคิล ร่วงลง 6.53% หลังบริษัทเปิดเผยผลประกอบการในธุรกิจคลาวด์ที่ออกมาต่ำกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ เนื่องจากเผชิญกับการแข่งขันที่ดุเดือดจากบริษัทคู่แข่งอย่างแอมะซอนและไมโครซอฟท์

นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันที่ 16-17 มี.ค.นี้ เพื่อดูท่าทีของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อที่เป็นผลมาจากการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

นอกจากนี้ นักลงทุนยังรอดูข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในวันนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.พ. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จากมหาวิทยาลัยมิชิแกน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (12 มี.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top