ดาวโจนส์ปิดลบ 127.51 จุด หวั่นเงินเฟ้อพุ่งหนุนเฟดขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (16 มี.ค.) โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ ซึ่งอาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับปัจจัยลบจากการร่วงลงของกลุ่มพลังงาน และกลุ่มอุตสาหกรรม

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 32,825.95 จุด ลดลง 127.51 จุด หรือ -0.39%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,962.71 จุด ลดลง 6.23 จุด หรือ -0.16%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,471.57 จุด เพิ่มขึ้น 11.86 จุด หรือ +0.09%

กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยเมื่อคืนนี้ ดัชนีราคานำเข้าเดือนก.พ.ดีดตัวขึ้น 1.3% เมื่อเทียบรายเดือน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% และเมื่อเทียบรายปี ดัชนีราคานำเข้าพุ่งขึ้น 3.0% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค.2555

การพุ่งขึ้นของดัชนีราคานำเข้าส่งผลให้นักลงทุนกังวลว่าอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอาจขยายตัวรวดเร็วขึ้นในปีนี้ และอาจผลักดันให้เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดไว้ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่จะตามมาจากการที่สหรัฐใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อนางเซซิเลีย เราส์ ประธานที่ปรึกษาเศรษฐกิจประจำทำเนียบขาวออกมายอมรับว่า อาจมีความเสี่ยงเล็กน้อยที่จะเกิดเงินเฟ้อจากการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประธานาธิบดีโจ ไบเดน

หุ้น 7 ใน 11 กลุ่มที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปรับตัวลง โดยดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดิ่งลงหนักสุดถึง 2.83% หลังจากราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลงติดต่อกันเป็นวันที่ 3 เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเอ็กซอน โมบิล ร่วงลง 2.1% หุ้นเชฟรอน ดิ่งลง 2.33% หุ้นอ็อคซิเดนเชียล ปิโตรเลียม ร่วงลง 3.86% หุ้นฮัลลิเบอร์ตัน ดิ่งลง 4.59%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง และเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดดาวโจนส์ปิดในแดนลบ โดยหุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 3.92% หุ้น 3M ลดลง 1.43% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก ลดลง 1.42% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ ร่วงลง 1.85% หุ้นฮันนีเวลล์ ร่วงลง 2.03%

หุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวลงหลังจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 ปีร่วงหลุดจากระดับ 1.6% เมื่อคืนนี้ โดยหุ้นเจพีมอร์แกน เชน ร่วงลง 1.20% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ลดลง 1.32% หุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ ร่วงลง 1.57% หุ้นซิตี้กรุ๊ป ลดลง 1.2%

อย่างไรก็ดี หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการสื่อสารดีดตัวขึ้น ซึ่งเป็นปัจจัยหนุนดัชนี Nasdaq ปิดในแดนบวก โดยหุ้นเฟซบุ๊ก พุ่งขึ้น 2.02% หุ้นแอปเปิล ดีดขึ้น 1.27% หุ้นอัลฟาเบท พุ่งขึ้น 1.43% หุ้นไมโครซอฟท์ เพิ่มขึ้น 1.24%

หุ้นโมเดอร์นา ทะยานขึ้น 8.6% หลังโมเดอร์นาประกาศว่าทางบริษัทกำลังพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 สำหรับเด็กที่มีอายุตั้งแต่ 6 เดือนแต่ไม่เกิน 12 ปี โดยโมเดอร์นาจะประเมินเกี่ยวกับความปลอดภัยและประสิทธิภาพในการฉีดวัคซีน 2 โดส ซึ่งห่างกัน 28 วัน ขณะเดียวกันบริษัทจะเปิดรับอาสาสมัครซึ่งเป็นเด็กจำนวน 6,750 คนในสหรัฐและแคนาดา

นักลงทุนจับตาผลการประชุมนโยบายการเงินของเฟดซึ่งจะมีการแถลงในวันนี้ตามเวลาสหรัฐ หรือในช่วงเช้าตรู่ของวันพรุ่งนี้ตามเวลาไทย เพื่อดูท่าทีของเฟดเกี่ยวกับแนวโน้มการดีดตัวขึ้นของเงินเฟ้อที่เป็นผลจากการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งการพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ

สำหรับข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐที่มีการเปิดเผยล่าสุดและมีผลต่อบรรยากาศการซื้อขายในตลาดเมื่อคืนนี้ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 3.0% ในเดือนก.พ. หลังจากพุ่งขึ้น 7.6% ในเดือนม.ค. โดยการร่วงลงของยอดค้าปลีกในเดือนก.พ.ได้รับผลกระทบจากภาวะอากาศหนาวจัดในสหรัฐ

ทางด้านธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) รายงานว่า การผลิตภาคอุตสาหกรรมโดยรวมของสหรัฐลดลง 2.2% ในเดือนก.พ. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนก.ย.2563 และสวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.3% โดยได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่หนาวจัดในสหรัฐ

ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐที่มีกำหนดเปิดเผยในสัปดาห์นี้ได้แก่ ตัวเลขการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนก.พ., ดัชนีการผลิตเดือนมี.ค.จากเฟดฟิลาเดลเฟีย และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 มี.ค. 64)

Tags: , , , , ,
Back to Top