นายชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ที คิว อาร์ (TQR) เปิดเผยว่า บริษัทยังคงตั้งเป้าการเติบโตของรายได้ในปีนี้ไว้ที่ 10% โดยสถานการณ์ในไตรมาส 1/64 ยังคงเติบโตได้ตามสภาพเศรษฐกิจ
ทั้งนี้ ธุรกิจประกันภัยเป็นธุรกิจที่เกี่ยวกับความเสี่ยง จึงจะสามารถเติบโตได้โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่เข้าใจในความเสี่ยง ซึ่งความเสี่ยงเปลี่ยนแปลงในรูปแบบใหม่ ๆ มาเสมอ ทำให้บริษัทต้องมีการปรับตัวอย่างรวดเร็ว อีกทั้งบริษัทยังคงต้องตอบสนองความต้องการใหม่ ๆ ในเรื่องของระบบออนไลน์อีกด้วย
ยกตัวอย่างสถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 ที่ผ่านมาผู้บริโภคเริ่มตั้งคำถามว่าควรต่ออายุประกันโควิด-19 หรือไม่ แต่ในปัจจุบันยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเลือกที่จะต่ออายุ เพราะราคาเบี้ยประกันก็ยังไม่สูงมาก รวมไปถึงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงทำให้ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเรื่องโควิด-19 แม้อาจจะไม่ได้หวือหวาเท่าในช่วงปีที่ผ่านมา
ขณะที่การที่ภาครัฐมีผลบังคับใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) ครบทุกมาตราในวันที่ 1 มิ.ย.64 นี้ ทางบริษัทมองว่าจะเป็นโอกาสที่ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจประกันที่คุ้มครองข้อมูลทางไซเบอร์มากขึ้น ซึ่งทางบริษัทมีทีมผู้เชี่ยวชาญพร้อมจะให้บริการลูกค้า ไม่ว่าจะเป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงในเรื่องของ Sensitive Data (ข้อมูลที่เปราะบาง) รวมไปถึงลูกค้ากลุ่มอื่น ๆ ที่ยังไม่มีการจัดการระบบที่ดีอีกด้วย โดยมองว่าตลาดรวมเบี้ยประกันไซเบอร์ในเมืองไทยจะมีมูลค่าราว 100 ล้านบาท
นายชนะพันธ์ กล่าวอีกว่า แม้ว่าตลาดประกันภัยในปัจจุบันจะมีการแข่งขันสูงขึ้น แต่ทางบริษัทยังคงมั่นใจในความเป็นบริษัทนายหน้าประกันภัยต่อรายแรกที่ได้รับการจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รวมไปถึงบริษัททราบข้อมูลของบริษัทประกันภัยต่าง ๆ เป็นอย่างดีว่าแต่ละแห่งมีศักยภาพในด้านไหน ทำให้บริษัทสามารถจัดบริการตอบสนองลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้บริษัทยังคงมองหารายได้อื่นที่ไม่ใช่เพียงค่าคอมมิชชั่น แต่อาจจะเป็นค่าบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ หรือรายได้ด้านอื่นๆ คาดว่าจะเห็นความชัดเจนภายในปีนี้
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (18 มี.ค. 64)
Tags: TQR, ชนะพันธุ์ พิริยะพันธุ์, ที คิว อาร์, ธุรกิจประกันภัย, ประกันชีวิต, ประกันโควิด, ประกันโควิด-19