ตลาดหุ้นสหรัฐปิดทำการในวันนี้ (2 เม.ย.) เนื่องในวัน Good Friday โดยตลาดจะกลับมาเปิดทำการซื้อขายตามปกติอีกครั้งในวันจันทร์ที่ 5 เม.ย.นี้
ส่วนภาวะการซื้อขายเมื่อคืนนี้ (1 เม.ย.) ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 171.66 จุด หรือ +0.52% ปิดที่ 33,153.21 จุด ขานรับดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบกว่า 37 ปี และจากการที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศแผนลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานวงเงินกว่า 2 ล้านล้านดอลลาร์
ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำสถิติปิดที่เหนือระดับ 4,000 จุดเป็นครั้งแรก เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อหุ้นบริษัทเทคโนโลยี ซึ่งเป็นหุ้นในกลุ่ม Growth Stock ท่ามกลางความหวังที่ว่า หุ้นกลุ่มนี้จะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังจากรัฐบาลสหรัฐออกมาตรการกระตุ้นครั้งใหญ่
สำหรับสถิติตลอดเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นราว 6.6%, ดัชนี S&P500 เพิ่มขึ้น 4.2% และดัชนี Nasdaq ขยับขึ้น 0.4% ส่วนตลอดทั้งไตรมาส 1/2564 ดัชนีดาวโจนส์พุ่งขึ้น 7.8%, ดัชนี S&P500 ปรับตัวขึ้น 5.8% และดัชนี Nasdaq เพิ่มขึ้น 2.8%
นักลงทุนยังคงจับตาทิศทางอัตราตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐในสัปดาห์หน้า หลังจากที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรพุ่งขึ้นทะลุระดับ 1.72% ในสัปดาห์นี้ ซึ่งสร้างความผันผวนให้กับตลาดหุ้น
นอกจากนี้ คาดว่านักลงทุนจะจับตารายงานการประชุมเดือนมี.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งมีกำหนดเผยแพร่ในคืนวันพุธที่ 7 เม.ย.ตามเวลาสหรัฐ หรือช่วงเช้าตรู่ของวันที่ 8 เม.ย.ตามเวลาไทย เพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด หลังจากคณะกรรมการเฟดมีมติคงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวันที่ 16-17 มี.ค.
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (02 เม.ย. 64)
Tags: ดาวโจนส์, ตลาดหุ้น, ตลาดหุ้นสหรัฐ