IVL เผยกำไรสุทธิ Q1/64 พุ่งตามราคาน้ำมันหนุนราคาขายสินค้า-วัคซีนช่วยฟื้นดีมานด์

บมจ.อินโดรามา เวนเจอร์ส (IVL) เปิดเผยว่า บริษัทรายงานผลประกอบการไตรมาส 1/64 กำไรสุทธิ 6,008.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 1/63 ที่มีกำไรสุทธิ 570.7 ล้านบาท โดยมีกำไรต่อหุ้น (EPS) เท่ากับ 1.04 บาท เทียบกับ 0.20 บาทในไตรมาส 4/63 และ 0.07 บาทในไตรมาส 1/63

ในไตรมาสที่ 1/64 มีกำไรก่อนหักภาษี ดอกเบี้ย ค่าเสื่อมราคาและค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) เท่ากับ 483 ล้านเหรียญสหรัฐ จาก Core EBITDA ที่เพิ่มสูงขึ้น 369 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือคิดเป็นเพิ่มขึ้น 45% เมื่อเทียบไตรมาสต่อไตรมาส และ 21% เมื่อเทียบปีต่อปี จากความได้เปรียบในการปรับปรุงสัญญาและกำไรจากสินค้าคงเหลือ

ขณะที่รายได้จากการขายรวมในไตรมาส 1/64 อยู่ที่ 3,240 ล้านเหรียญสหรัฐ เติบโตจากไตรมาส 4/63 เท่ากับ 19% และเติบโตจากไตรมาส 1/63 เท่ากับ 10%

โครงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางธุรกิจและการจัดการความเป็นเลิศด้านต้นทุน (Project Olympus) สามารถเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินงานคิดเป็นจำนวน 67 ล้านเหรียญสหรัฐในระหว่างไตรมาสนี้ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้จำนวน 287ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับปี 64 เพิ่มขึ้นจำนวน 195 ล้านเหรียญสหรัฐเมื่อเทียบกับปี 63

IVL ระบุว่า ในช่วงเวลานี้ของปีที่แล้วทั่วโลกเริ่มตระหนักถึงเหตุการณ์ธรรมชาติที่ไม่เคยมีมาก่อนจากการแพร่ระบาดของ โควิด-19 และผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าวต่อเศรษฐกิจโลกที่เกิดภาวะถดถอยอย่างหนัก ซึ่งเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบากและมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นมากมาย ในปีต่อมาบริษัทอยู่ในจุดที่แตกต่างจากเดิมเป็นอย่างมากราคาน้ำมัน Brent ดีดตัวสูงขึ้นจากจุดที่ต่ำในปี 63 กลับไปเหนือ 65 เหรียญสหรัฐในเดือน มี.ค.64 นำโดยประเทศจีน อุปสงค์ของผู้บริโภคฟื้นตัวอย่างมาก และราคาสินค้าโภคภัณฑ์เพิ่มสูงขึ้นอยู่ในระดับที่เรียกกันว่า super cycle ซึ่งเกินความเป็นจริงในมุมมองของบริษัท เราอยู่ในสถานการณ์สภาวะตลาดแบบ backwardation ซึ่งราคาส่งมอบสินค้าในปัจจุบันก่อให้เกิดอัตรากำไรส่วนเพิ่มที่สูงมาก

ปัจจัยบวกที่เกิดขึ้นได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัววัคซีนในหลายประเทศเพิ่งเริ่มต้น ทำให้มั่นใจในการเติบโตของเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต สนับสนุนด้วยมาตรการอัดฉีดระบบเศรษฐกิจของภาครัฐ ทั้งนี้ดูเหมือนว่า ประเทศสหรัฐอเมริกามีการอัดฉีดเงินเข้าทุกระบบ และจีนเป็นประเทศแรกที่อุปสงคก์ลับมาแข็งแกร่ง ซึ่งถ้าประเทศในยุโรปมีการกระตุ้นเศรษฐกิจจะส่งผลให้อัตราการเติบโตของอุปสงค์ทั่วโลกกลับมาสู่สภาวะช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดและอุปทานก็จะเพิ่มขึ้นตามลำดับ

ปัจจัยบวกเหล่านี้ส่งผลให้ผลิตภัณฑ์หลักของบริษัทมีอุปสงค์ที่แข็งแกร่งและอัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งคาดว่าจะดีต่อเนื่องไปยังไตรมาส 2/64 ด้วยโดยได้รับแรงสนับสนุนเริ่มแรกจากการฟื้นตัวในประเทศจีน ระดับของสินค้าคงเหลือที่ตึงตัวรวมถึงห่วงโซ่อุปทานที่ถูกกระทบกระทันหัน ทำให้ อัตรากำไรของกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์ทั้งหมดเพิ่มสูงขึ้นสนับสนุนราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มสูงขึ้น เหตุการณ์ทั้งหมดนี้ ส่งผลให้บริษัทรายงานผลกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้สำหรับครึ่งปีแรกของปี 64

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (06 พ.ค. 64)

Tags: , , , ,
Back to Top