ดาวโจนส์ปิดลบ 34.94 จุด นลท.ขายหุ้นเทคโนฯเหตุวิตกเงินเฟ้อ

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบเมื่อคืนนี้ (10 พ.ค.) เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อได้ผลักดันให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐในวันพุธนี้ ซึ่งหากตัวเลข CPI พุ่งขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ก็อาจส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน เพื่อสกัดเงินเฟ้อ

  • ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 34,742.82 จุด ลดลง 34.94 จุด หรือ -0.10%
  • ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,188.43 จุด ลดลง 44.17 จุด หรือ -1.04%
  • ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 13,401.86 จุด ลดลง 350.38 จุด หรือ -2.55%

นักวิเคราะห์จากบริษัทคิงส์วิว แอสเซท เมเนจเมนท์ในเมืองชิคาโกกล่าวว่า อุปสงค์วัสดุพื้นฐานที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก ประกอบกับภาวะอุปทานที่ลดลงอันเนื่องมาจากปัญหาติดขัดในด้านต่างๆ ได้ส่งผลให้เกิดความวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐ ซึ่งความกังวลในเรื่องดังกล่าวทำให้นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และหันไปซื้อหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stocks) หรือหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ เช่นหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรม

ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่สำคัญในวันพุธนี้ โดยหากดัชนี CPI ของสหรัฐขยายตัวมากกว่าคาด ก็อาจทำให้เฟดชะลอการผ่อนคลายนโยบายการเงิน ด้วยการลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เพื่อสกัดเงินเฟ้อ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 1.2 แสนล้านดอลลาร์/เดือน

ทั้งนี้ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อ (Treasury Inflation-Protected Securities -TIPS) ของสหรัฐประเภทอายุ 5 ปี และ 10 ปี พุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2554 และปี 2556 ตามลำดับ โดยพันธบัตรชดเชยเงินเฟ้อนั้น ออกโดยกระทรวงการคลัง และมีการปรับผลตอบแทนตามการเปลี่ยนแปลงเงินเฟ้อ

สำหรับหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีที่ร่วงลงเมื่อคืนนี้ รวมถึงหุ้นเฟซบุ๊ก ดิ่งลง 4.11% หุ้นแอปเปิล ร่วงลง 2.58% หุ้นไมโครซอฟท์ ร่วงลง 2.09% หุ้นอัลฟาเบท ดิ่งลง 2.57% หุ้นแอมะซอน ร่วงลง 3.07% หุ้นทวิตเตอร์ ร่วงลง 3.68%

หุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมดีดตัวขึ้นและช่วยสกัดแรงลบในตลาด โดยหุ้น 3M พุ่งขึ้น 2.08% หุ้นแคทเธอร์พิลลาร์ เพิ่มขึ้น 0.63% หุ้นเจเนอรัล อิเล็กทริก (จีอี) บวก 0.38% หุ้นฮันนีเวลล์ บวก 0.94%

หุ้นไฟร์อาย (FireEye) ซึ่งเป็นผู้ให้บริการความปลอดภัยทางไซเบอร์ พุ่งขึ้น 1.2% โดยได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า บริษัทไฟร์อายจะได้ประโยชน์จากการได้รับเลือกได้เข้าช่วยสืบสวนหาสาเหตุของการที่ท่อส่งน้ำมันของบริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์ ซึ่งเป็นท่อส่งน้ำมันขนาดใหญ่ของสหรัฐ ถูกโจมตีทางไซเบอร์

นอกเหนือจากดัชนี CPI แล้ว นักลงทุนยังจับตาข้อมูลเศรษฐกิจด้านอื่นๆของสหรัฐในสัปดาห์นี้ด้วย ซึ่งได้แก่ ตัวเลขการเปิดรับสมัครงานและอัตราการหมุนเวียนของแรงงาน (JOLTS) เดือนมี.ค., จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์, ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนเม.ย., ยอดค้าปลีกเดือนเม.ย., ราคานำเข้าและส่งออกเดือนเม.ย., การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนเม.ย., สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนมี.ค. และดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ค.

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 64)

Tags: , , ,
Back to Top