กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยในวันนี้ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่เพิ่มอีก 329,942 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อทั่วประเทศขณะนี้พุ่งขึ้นเป็น 22,992,517 ราย ขณะที่ยอดผู้รักษาตัวในโรงพยาบาลลดลงเป็นครั้งแรกในรอบหลายสัปดาห์
ขณะเดียวกัน อินเดียพบผู้เสียชีวิตเพิ่มอีก 3,876 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นแตะ 249,992 ราย
สำหรับผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาลหลังได้รับการรักษาจนหายดีแล้วอยู่ที่ 19,027,304 ราย ส่วนผู้ที่ยังคงรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลมีจำนวน 3,715,221 ราย ลดลง 30,016 รายจากวันก่อนหน้า
สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า จำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันในอินเดียยังคงเพิ่มขึ้นอย่างมาก แต่รัฐบาลกลางอินเดียได้ปฏิเสธที่จะดำเนินมาตรการล็อกดาวน์เต็มรูปแบบเพื่อควบคุมสถานการณ์ ขณะที่บางรัฐบังคับใช้มาตรการเคอร์ฟิวและมาตรการล็อกดาวน์บางส่วน
ส่วนเมืองเดลีได้มีการบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์รอบที่ 3 ไปจนถึงวันที่ 17 พ.ค.นี้
รายงานระบุว่า อินเดียเริ่มโครงการฉีดวัคซีนทั่วประเทศเมื่อวันจันทร์ที่ 16 ม.ค.ที่ผ่านมา โดยฉีดวัคซีนให้กับประชาชนทั่วประเทศไปแล้ว กว่า 172 ล้านราย โดยอินเดียเปิดให้ประชาชนอายุ 18 ปีขึ้นไปเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. ที่ผ่านมาซึ่งเป็นระยะที่ 3 ของการฉีดวัคซีน
ทั้งนี้ รัฐบาลอินเดียได้เพิ่มสถานที่ตรวจเชื้อโควิด-19 ให้ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยข้อมูลจากสภาวิจัยทางการแพทย์แห่งอินเดีย (ICMR) ระบุว่า มีการตรวจหาเชื้อโควิด-19 แก่ประชาชนแล้วกว่า 305 ล้านราย และเฉพาะวันจันทร์วันเดียวนั้น มีการตรวจหาเชื้อจำนวนมากถึง 1,850,110 ราย
ทั้งนี้ เค.วีเจย์ รักฆาวาน ที่ปรึกษาด้านวิทยาศาสตร์ของรัฐบาลอินเดียกล่าวเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาว่า การแพร่ระบาดระลอกที่ 3 เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ในอินเดีย เนื่องจากไวรัสแพร่กระจายมากขึ้น
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (11 พ.ค. 64)
Tags: COVID-19, มาตรการล็อกดาวน์, วัคซีน, วัคซีนต้านโควิด-19, อินเดีย, เคอร์ฟิว, โควิด-19