สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า สำนักงานศุลกากรและปกป้องชายแดนของสหรัฐ (CBP) ได้ทำการยึดถุงมือยางของบริษัทท็อป โกลฟ คอร์ป ผู้ผลิตถุงมือยางของมาเลเซียและเป็นรายใหญ่ที่สุดของโลกเมื่อวานนี้ (12 พ.ค.) หลังจากพบผลิตภัณฑ์ของท็อป โกลฟในแคนซัส ซิตี้ แม้มีการสั่งห้ามนำเข้าเนื่องจากบริษัทถูกกล่าวหาว่าทำการบังคับใช้แรงงานในกระบวนการผลิตแล้วก็ตาม
แถลงการณ์ระบุว่า เจ้าหน้าที่ที่ท่าเรือแคนซัส ซิตี้ได้ทำการยึดถุงมือยาง 4.68 ล้านชิ้นที่ผลิตโดยบริษัทท็อป โกลฟ โดยสินค้าที่ยึดมามีมูลค่าประมาณ 690,000 ดอลลาร์
ด้านบริษัทท็อป โกลฟยังไม่ได้ออกมาแสดงความเห็นใดๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว
ทั้งนี้ นับเป็นการยึดสินค้าของท็อป โกลฟเป็นครั้งที่ 2 แล้วในรอบราว 1 สัปดาห์ หลังจากเมื่อวันที่ 5 พ.ค.ที่ผ่านมา ทาง CBP ได้ยึดถุงมือไนไตร (nitrile gloves) จำนวน 3.97 ล้านชิ้น มูลค่าประมาณ 518,000 ดอลลาร์
เหตุการณ์ดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ยังคงมีความต้องการผลิตภัณฑ์จากท็อป โกลฟ แม้สหรัฐได้สั่งระงับการนำเข้าครั้งแรกเมื่อเดือนก.ค.ปีที่แล้ว เนื่องจากเชื่อว่าทางบริษัทมีการบังคับใช้แรงงานในกระบวนการผลิต
ในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา CBP ได้ออกมาระบุว่า พบหลักฐานว่ามีการบังคับใช้แรงงานในกระบวนการผลิตของท็อป โกลฟ เช่น การใช้แรงงานขัดหนี้, การทำงานล่วงเวลามากเกินไป, สภาพที่อยู่อาศัยและการทำงานที่ไม่เหมาะสม และการยึดเอกสารประจำตัวพนักงานไว้ และได้สั่งให้เจ้าหน้าที่ของสหรัฐทำการยึดสินค้าจากท็อป โกลฟ
โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (13 พ.ค. 64)
Tags: CBP, ถุงมือยาง, ท็อป โกลฟ คอร์ป, มาเลเซีย, สหรัฐ, แคนซัส ซิตี้, แรงงาน