เงินบาทเปิด 33.25 อ่อนค่าหลังดอลลาร์แข็งค่า คาดกรอบวันนี้ 33.15-33.35 รอปัจจัยใหม่

นักบริหารเงินจากธนาคารกรุงศรีอยุธยา เปิดเผยว่า เงินบาทเปิดตลาดเช้านี้อยู่ที่ระดับ 33.25 บาท/ดอลลาร์ อ่อนค่าเล็กน้อยจากเย็นวันศุกร์ที่ปิดตลาดที่ระดับ 33.21 บาท/ดอลลาร์

เช้านี้เงินบาทอ่อนค่าเล็กน้อยจากเย็นวันศุกร์ หลังจากที่ดอลลาร์สหรัฐปรับตัวแข็งค่าขึ้น โดยวันนี้ตลาดยังรอปัจจัยใหม่ที่จะเข้ามา เนื่องจากในสัปดาห์ก่อน ตลาดค่อนข้างจะไพรส์อินกับข่าวเรื่องการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐไปพอสมควรแล้วส่วนปัจจัยเรื่องการระบาดของไวรัสโควิด-19 โอมิครอนในประเทศยังมีผลที่จำกัดต่อทิศทางของค่าเงินบาท อย่างไรก็ดี ตลาดยังคงจับตาสถานการณ์ระบาดของทั้งในประเทศและต่างประเทศ

นักบริหารเงิน คาดว่า วันนี้เงินบาทจะเคลื่อนไหวในกรอบ 33.15 – 33.35 บาท/ดอลลาร์

THAI BAHT FIX 3M (14 ม.ค.) อยู่ที่ระดับ 0.29577% ส่วน THAI BAHT FIX 6M อยู่ที่ระดับ 0.32510%

ปัจจัยสำคัญ

  • เงินเยนอยู่ที่ระดับ 114.43 เยน/ดอลลาร์ จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 113.92 เยน/ดอลลาร์
  • เงินยูโรอยู่ที่ระดับ 1.405 ดอลลาร์/ยูโร จากเย็นวันศุกร์ที่ระดับ 1.1458 ดอลลาร์/ยูโร
  • อัตราแลกเปลี่ยนเงินบาท/ดอลลาร์ ถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักระหว่างธนาคารของธปท.อยู่ที่ระดับ 33.198 บาท/ดอลลาร์
  • นายกฯ สั่งเร่งมาตรการลดภาระประชาชน กระตุ้นการบริโภคภายในประเทศ ขณะที่กระทรวงการคลังประชุมด่วนเดินหน้า “คนละครึ่งเฟส 4” เร็วขึ้น เปิดลงทะเบียน 14 ก.พ. เริ่มใช้จ่าย 21 ก.พ. 65
  • “คลัง” โชว์ผลงานเบิกจ่ายไตรมาส 1/2565 พุ่ง 9.83 แสนล้านบาท คิดเป็น 31.73% ของงบรายจ่าย พร้อมตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจจี้ติดสปีดเบิกจ่ายเข็นเงินเข้าระบบเศรษฐกิจ
  • รมว.คลัง เปิดเผยถึงกรณีคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) มีข้อเสนอให้กระทรวงการคลัง พิจารณาขยายเวลาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างลง 90% ออกไปอีก 2 ปี เพื่อช่วยบรรเทาผลกระทบที่เกิดขึ้นจากโควิดว่ากระทรวงการคลัง จะไม่ขยายเวลาลดภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างออกไปอีกแล้ว หลังจากที่ลดให้ไปแล้ว 2 ปีก่อนหน้านี้ เพราะการลดภาษีที่ดินแต่ละครั้งทำให้รายได้ของท้องถิ่นในแต่ละปีหายไปถึง 3 หมื่นล้านบาท ในปีนี้จึงเสนอให้มีการจัดเก็บภาษีที่ดินเต็มอัตราที่ 100% คงเดิม
  • ศบค.รับลูกเอกชนเสนอเปิดการค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน ภายใต้โครงการพื้นที่นำร่องทางการค้า (แซนด์บ็อกซ์) หวังฟื้นการค้าชายแดนพร้อมสั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งผลักดัน ด้านพาณิชย์เผย 10 เดือน (ม.ค.-ต.ค.2564) มูลค่ากว่า 8.6 แสนล้านบาท
  • กรรมาธิการการเงิน-การคลัง เตรียมเรียก “สรรพากร-หน่วยงานภาคตลาดทุน-คริปโทฯ” ถกทางออกจัดเก็บภาษีขายหุ้น-คริปโท 19 ม.ค.นี้ เพื่อสรุปความเห็น เสนอรมว.คลังพิจารณา ด้านนายกสมาคมฟินเทค หวังรัฐทบวนนำรายการขาย สินทรัพย์ดิจิทัลที่ขาดทุนมาหักจากรายการที่มีกำไร เพื่อคำนวณภาษี ขณะที่ นายกสมาคมสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ชี้เก็บภาษีหัก ณ ที่จ่ายปฏิบัติยาก หนุนเก็บจากทรานแซคชั่น “จิรายุส” เสนอเลื่อนเก็บ 2 ปี หวังกฎหมายมีความชัดเจน
  • กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันศุกร์ว่า ยอดค้าปลีกดิ่งลง 1.9% ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่า อาจทรงตัวในเดือนดังกล่าว หลังจากเพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือนพ.ย.
    ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ร่วงลง 3.1% ในเดือนธ.ค. สวนทางนักวิเคราะห์ที่คาดว่า อาจเพิ่มขึ้น 0.3% หลังจากลดลง 0.5% ในเดือนพ.ย.
  • ผลสำรวจของมหาวิทยาลัยมิชิแกนยังระบุว่า ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคสหรัฐปรับตัวลงสู่ระดับ 68.8 ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 2 ในรอบ 1 ทศวรรษ จากระดับ 70.6 ในเดือนธ.ค. ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าดัชนีจะปรับตัวลงสู่ระดับ 70.0
  • ตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญสัปดาห์นี้ ได้แก่ ข้อมูลการเริ่มสร้างบ้าน ยอดขายบ้านมือสองเดือนธ.ค. ดัชนีตลาดที่อยู่อาศัย ผลสำรวจภาคการผลิตของเฟดสาขานิวยอร์กและเฟดสาขาฟิลาเดลเฟีย เดือนม.ค. และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ นอกจากนี้ตลาดยังรอติดตามจีดีพีไตรมาส 4/64 และข้อมูลเศรษฐกิจเดือนธ.ค. อาทิ การผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกด้วยเช่นกัน
  • ทำเนียบขาวเปิดเผยว่า ประธานาธิบดีโจ ไบเดน แห่งสหรัฐจะจัดประชุมทางไกลร่วมกับนายกรัฐมนตรีฟูมิโอะ คิชิดะ แห่งญี่ปุ่น ในวันศุกร์ที่ 21 ม.ค.นี้ โดยผู้นำทั้งสองประเทศพยายามกระชับความสัมพันธ์ระหว่างกันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นท่ามกลางการแผ่อิทธิพลเพิ่มมากขึ้นในภูมิภาคอินโดแปซิฟิกของจีน
  • นักลงทุนในตลาดหุ้นจับตาการเปิดเผยข้อมูลเศรษฐกิจของจีนในช่วงเช้าวันนี้ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 4/2564, การผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนธ.ค., ยอดค้าปลีกเดือนธ.ค., การลงทุนในสินทรัพย์ถาวรเดือนธ.ค., อัตราว่างงานเดือนธ.ค.
  • นักลงทุนให้ความสนใจต่อข้อมูลเศรษฐกิจของจีนเป็นอย่างมาก หลังจากโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2565 ลงสู่ระดับ 4.3% จากเดิมที่ระดับ 4.8% โดยระบุว่ารัฐบาลจีนกำลังเผชิญกับความยากลำบากมากขึ้นในการควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอน

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (17 ม.ค. 65)

Tags: ,
Back to Top