CIVIL พกประสบการณ์อุตสาหกรรมก่อสร้างกว่า 50 ปีมั่นใจเทรดวันแรก 27 ม.ค.

นายปิยะดิษฐ์ อัศวศิริสุข ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ซีวิลเอนจีเนียริง (CIVIL) เปิดเผยว่า บริษัทพร้อมนำหลักทรัพย์เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) เป็นวันแรกในวันที่ 27 ม.ค.65 ชื่อย่อ CIVIL ในการซื้อขายหลักทรัพย์ในกลุ่มอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้าง หมวดบริการรับเหมาก่อสร้าง ซึ่ง CIVIL เป็นหุ้นของกิจการที่อยู่ในช่วงเติบโต (Growth Stock) จึงมั่นว่านักลงทุนจะให้การตอบรับที่ดีอย่างแน่นอน

CIVIL เสนอขายหุ้นสามัญให้กับประชาชนทั่วไป (IPO) จำนวน 200 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 28.6% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทภายหลังการ IPO ราคา 4.60 บาท/หุ้น ในช่วงวันที่ 19-21 ม.ค. 2565 โดยมี บล.บัวหลวง และ บล.กรุงไทย ซีมิโก้ เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย

บริษัทเชื่อมั่นว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีด้วยศักยภาพการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ที่มีประสบการณ์ความชำนาญในอุตสาหกรรมก่อสร้างไทยมากกว่า 50 ปี บริหารโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่และโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของประเทศมากกว่า 1,000 โครงการ ครอบคลุมตั้งแต่ งานทาง งานรถไฟรางคู่และรถไฟความเร็วสูง งานท่าอากาศยาน เขื่อนและอ่างเก็บน้ำ นิคมอุตสาหกรรมตลอดจนงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ โดยมุ่งใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีการก่อสร้างสมัยใหม่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินธุรกิจพร้อมนำข้อได้เปรียบเชิงการแข่งขัน ซึ่ง CIVIL มีความพร้อมทั้งด้านบุคลากรที่เชี่ยวชาญวิศวกรรมโยธาอย่างครบวงจร มีเครื่องจักรอุปกรณ์และเป็นเจ้าของโรงงานผลิตชิ้นส่วนวัสดุก่อสร้าง ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการบริหารต้นทุนโครงการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพ ส่งมอบงานมีคุณภาพ ปลอดภัย ภายใต้งบประมาณที่กำหนด จึงได้รับความไว้วางใจจากหน่วยงานราชการขึ้นทะเบียนเป็นผู้รับเหมาขั้นสูงสุด ตอกย้ำความสามารถบริหารโครงการก่อสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่และความพร้อมในการเติบโตในอนาคต

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนงานนำเทคโนโลยีสมัยใหม่และวิธีการใหม่ๆ เครื่องมือเครื่องจักรที่ทันสมัย เข้ามาช่วยเพิ่มศักยภาพการบริหารโครงการก่อสร้างให้มีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิด Economy of Speed จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้วางแผนการดำเนินโครงการก่อสร้างตั้งแต่ต้นจนบจบ รวมถึงนำหลักบริหารจัดการสมัยใหม่เน้นความคล่องตัว (Agility) และความยืดหยุ่น (Resilience) ปรับตัวสอดคล้องการเปลี่ยนแปลงของอุตสาหกรรม ทำให้ CIVIL เพิ่มความสามารถในการดำเนินธุรกิจ รองรับแผนขยายงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ ทั้งรูปแบบการเข้าประมูลโครงการโดยตรงจากผู้ว่าจ้าง หรือเข้าร่วมในโครงการร่วมลงทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP) รวมถึงร่วมมือกับพันธมิตรทางธุรกิจเข้าบริหารโครงการขนาดใหญ่จากภาครัฐและขยายงานไปยังกลุ่มลูกค้าภาคเอกชน รับโอกาสการเติบโตของอุตสาหกรรมก่อสร้างไทย สร้างสมดุลแก่การดำเนินธุรกิจก่อสร้างและบริหารโครงการก่อสร้าง เอื้อต่อการสร้างผลตอบแทนที่ดีทั้งในแง่การทำกำไรขั้นต้นและอัตราการทำกำไรสุทธิให้โดดเด่นต่อเนื่อง

ขณะเดียวกัน CIVIL ยังนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในภาคการผลิตโรงงานชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูป คอนกรีตผสมเสร็จ แอสฟัลท์ติกคอนกรีต คอนกรีตอัดแรงและราวเหล็กลูกฟูกกันรถและท่อระบายน้ำ เพื่อสร้างการเติบโตที่ดีให้แก่กลุ่มธุรกิจผลิตและจำหน่ายวัสดุก่อสร้างเพื่อและจำหน่ายให้แก่คู่ค้าและใช้บริหารโครงการก่อสร้าง รวมถึงการได้ต่ออายุสัมปทานเหมืองหินปูนที่เป็นวัตถุดิบหลักในงานก่อสร้างและผลิตปูนซีเมนต์ ยังทำให้บริษัทฯ คงความได้เปรียบเชิงบริหารต้นทุนโครงการก่อสร้างที่ดีต่อเนื่อง

“เรามีเป้าหมายก้าวสู่การเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำที่มีการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาช่วยเสริมศักยภาพการดำเนินงานในทุกมิติ เพื่อสนับสนุนการบริหารโครงการก่อสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ และขยายงานสู่ภาคเอกชน ส่งมอบผลงานที่มีคุณค่า ปลอดภัย ภายใต้งบประมาณที่กำหนด เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้คน ขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมไทยให้เจริญก้าวหน้า”

นายปิยะดิษฐ์ กล่าว

นายพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บล. บัวหลวง ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า CIVIL มีศักยภาพการเติบโตสูงกับโอกาสการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐที่อยู่ในช่วงขยายตัวที่ดี ทำให้บริษัทฯ ใช้ความได้เปรียบเชิงการแข่งขันที่โดดเด่นจากการนำเทคโนโลยีเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารโครงการ สร้างโอกาสการเข้าร่วมงานโครงการก่อสร้างภาครัฐและขยายงานลูกค้าภาคเอกชนเพิ่มขึ้น ที่จะช่วยสร้างผลตอบแทนที่ต่อเนื่องให้กับผู้ถือหุ้น โดยการเสนอขายหุ้น IPO ในช่วงที่ผ่านมา นักลงทุนให้ความสนใจจองซื้อเป็นจำนวนมาก ตอกย้ำถึงความเชื่อมั่นและศักยภาพการเติบโตของ CIVIL ได้เป็นอย่างดี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (25 ม.ค. 65)

Tags: , , , ,
Back to Top