ลาซาด้าเผยความเชื่อมั่นกลุ่มผู้ขายปี 64 แกร่ง ขณะผู้บริโภคซื้อสินค้าทั้งออนไลน์-ออฟไลน์

ดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจอีคอมเมิร์ซของลาซาด้าชี้กลุ่มผู้ขายยังคงมีความเชื่อมั่นในระดับสูงตลอดปี 2564 ส่งสัญญาณถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอมเมิร์ซในปีนี้

รายงานดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจอีคอมเมิร์ซของลาซาด้า (Digital Commerce Confidence Index: DCCI) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ระบุว่า ผู้ขายสินค้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กำลังปรับตัวเข้าสู่ยุคใหม่ของการค้าปลีกแบบออมนิแชนเนล แม้ว่าในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีจะมีการผ่อนคลายมาตรการโควิด-19 ส่งผลให้ผู้คนเดินทางมากขึ้น และกลับมาเลือกซื้อสินค้าที่หน้าร้านมากขึ้นก็ตาม แต่เกือบครึ่งของผู้ขายสินค้าออนไลน์ (47%) กล่าวว่า ร้านค้าของตนเองมียอดขายเพิ่มขึ้นมากกว่า 10% ในช่วงเวลาดังกล่าว

แม็กนัส เอ็คบอม ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายกลยุทธ์ของลาซาด้า กรุ๊ป เผยว่า “ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2564 เราสังเกตเห็นว่าผู้คนใช้เวลาอยู่บ้านน้อยลง แล้วไปร้านค้าและสถานที่พักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น จากเทรนด์ดังกล่าว หากมองเทียบกับความสำเร็จจากเทศกาลช้อปปิ้งออนไลน์ส่งท้ายปีแล้ว จะเห็นได้ว่าผู้บริโภคในปัจจุบันหันมาเลือกซื้อสินค้าผ่านหลากหลายช่องทางมากกว่าที่เคย ทั้งออนไลน์และออฟไลน์ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการ เพิ่มความคุ้มค่า และมอบความสะดวกสบาย”

ผลการศึกษาฉบับที่ 3 นี้ยังสะท้อนว่า ในช่วงการแพร่ระบาดและความไม่แน่นอนของสถานการณ์โควิด-19 นั้น ผู้ขายยังคงมีความมั่นใจและมีมุมมองเชิงบวกต่อยอดขายของตนเอง โดย 70% ของผู้ตอบแบบสอบถามในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2564 คาดว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 10% ในไตรมาสถัดไป ตามด้วยสัดส่วนผู้ตอบแบบสอบถามกว่า 76% ที่ระบุเช่นเดียวกันในไตรมาสที่ 3 และ 74% จากรายงานล่าสุดในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ซึ่งชี้ให้เห็นชัดเจนว่า แม้จะไม่มีเทศกาลช้อปปิ้งที่เป็นงานขนาดใหญ่ ผู้ขายสินค้าออนไลน์ก็ยังสามารถปรับตัวได้

นอกจากนี้ จากการที่ผู้บริโภคค่อยๆ ปรับพฤติกรรมการช้อปปิ้งให้ครอบคลุมทั้งการเลือกซื้อสินค้าที่หน้าร้านและการช้อปปิ้งออนไลน์ เพื่อความสะดวกคุ้มค่า ผู้ขายสินค้าในหมวดหมู่ต่างๆ จึงมีมุมมองเชิงบวกต่อยอดขายที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มผู้ขายสินค้าหมวดหมู่แฟชั่น (75%) และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (73%) ที่มีการคาดการณ์ในทางบวกมากที่สุดว่ายอดขายของพวกเขาจะเพิ่มขึ้นในอีก 3 เดือนข้างหน้านี้ เนื่องจากผู้คนวัยทำงานส่วนใหญ่ในภูมิภาคนี้มีนโยบายการทำงานแบบไฮบริด คือผสมผสานทั้งแบบทำงานจากที่บ้านและแบบเดินทางไปทำงานที่ออฟฟิศ

ชอง ฮิน อึ้ง ผู้ร่วมก่อตั้งและซีอีโอของ Asia Insight กล่าวว่า “ทุกวันนี้ พฤติกรรมการช้อปปิ้งของลูกค้า (customer shopping journey) ซับซ้อนกว่าเดิมมาก โดยมีการสลับไปมาระหว่างช่องทางออฟไลน์และออนไลน์มากขึ้น เทรนด์เดียวกันนี้เกิดขึ้นกับสินค้าทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นการช้อปเครื่องสำอาง แฟชั่น แม้กระทั่งอาหารกับของใช้ทั่วไปก็ด้วย แม้พฤติกรรมนี้จะไม่ใช่เรื่องใหม่ไปทั้งหมด แต่ก็ได้รับการกระตุ้นจากการที่ผู้คนอยู่บ้านเพิ่มมากขึ้น หรือระบบเศรษฐกิจการใช้จ่ายและบริโภคที่บ้านในช่วงโควิด (stay-home economy) ดังนั้น เพื่อให้มีโอกาสชนะใจลูกค้ามากขึ้น แบรนด์ต่างๆ จำเป็นต้องผสมผสานประสบการณ์การซื้อของแบบออนไลน์และออฟไลน์ผ่านช่องทางต่างๆ ที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงแบรนด์ได้ และใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยี เพื่อเพิ่ม ‘Human Touch’ บนหน้าจอดิจิทัลมากยิ่งขึ้น”

ทั้งนี้ บรรดาธุรกิจต่างรู้ดีว่าต้องพยายามดึงดูดลูกค้าให้มาซื้อของออนไลน์มากขึ้น ขณะเดียวกันก็ต้องมั่นใจว่าสินค้ามีราคาที่แข่งขันกับตลาดได้ โดยผู้ขายหลายคนตระหนักถึงประโยชน์ของแพลตฟอร์มออนไลน์ในการดึงดูด รักษา และมีส่วนร่วมกับผู้บริโภคผ่านกลยุทธ์ใหม่ๆ เช่น การสร้างความบันเทิงในประสบการณ์การช้อปปิ้ง หรือที่เรียกว่า Shoppertainment สอดคล้องกับความรู้สึกของผู้ขายช่วงปีที่ผ่านมา ซึ่งจากรายงานในไตรมาสที่ 4 ปี 2564ร บุว่า ผู้ขาย 59% ที่ตอบแบบสำรวจ กล่าวว่า พวกเขาสามารถดึงดูดให้นักช้อปมาเลือกซื้อสินค้าทางออนไลน์ได้มากขึ้น และ 54% กล่าวว่า การแข่งขันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น ถือเป็นโอกาสในการเติบโตสองอันดับแรกในไตรมาสที่ 1 ปี 2565

รายงานดัชนีความเชื่อมั่นธุรกิจอีคอมเมิร์ซ (Digital Commerce Confidence Index: DCCI) ถือเป็นการสำรวจฉบับแรกๆ ที่มุ่งให้เห็นถึงเทรนด์ของอุตสาหกรรมดิจิทัลคอมเมิร์ซ ด้วยการจัดทำดัชนีความรู้สึกและความเชื่อมั่นของผู้ขายออนไลน์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยชี้วัดความเชื่อมั่นทางธุรกิจจากการสำรวจความคิดเห็นของผู้ขายออนไลน์ทั่วภูมิภาค (อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ ไทย เวียดนาม มาเลเซีย และสิงคโปร์) ซึ่งในไตรมาสที่ 4 ของปี 2564 ลาซาด้าได้ทำการสำรวจผู้ขาย 1,126 ราย เกี่ยวกับยอดขายออนไลน์ในปัจจุบัน และความคาดหวังที่มีต่อธุรกิจอีคอมเมิร์ซในอนาคต ทั้งนี้ ดัชนีแบ่งเป็น 0 ถึง 100 โดย 0 หมายถึง “มีมุมมองเชิงลบอย่างมาก” และ 100 หมายถึง “มีมุมมองเชิงบวกอย่างมาก”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (27 ม.ค. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top