รัฐบาลมั่นใจท่องเที่ยว-ส่งออก-ลงทุนต่างชาติหนุนศก.ไทยปีนี้โตตามเป้าที่ 4%

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในวันนี้จะเป็นวันแรกที่กลับมาเปิดให้นักท่องเที่ยวต่างชาติลงทะเบียนเพื่อขออนุญาตเข้าประเทศไทยผ่านระบบ Test&Go ซึ่งน่าจะส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าประเทศมากขึ้น เพิ่มรายได้แก่ภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง

สำหรับภาพรวมในปี 2565 ภายใต้เงื่อนไขสถานการณ์โควิด-19 ที่ทั่วโลกสามารถบริหารจัดการได้ดี การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่า จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติอยู่ที่ประมาณ 7-8 ล้านคน และนักท่องเที่ยวในประเทศเดินทางจำนวน 160 ล้านคนครั้ง มีรายได้รวมทั้งสิ้น 1.3-1.8 ล้านล้านบาท และหากสามารถเปิดด่านค้าชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้านได้ในไตรมาสแรกนี้มีความเป็นไปได้ที่จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็น 15 ล้านคน

ขณะที่ภาคการส่งออก กระทรวงพาณิชย์ได้รายงานตัวเลขการส่งออกทั้งปี 64 ขยายตัวถึง 17.14% สูงสุดในรอบ 11 ปี ทะลุเป้าหมาย คิดเป็นมูลค่ารวม 2.71 แสนล้านดอลลาร์ และการส่งออกปี 65 กระทรวงพาณิชย์ตั้งเป้าไว้ที่ 3-4% หรือมีมูลค่า 2.7-2.8 แสนล้านดอลลาร์จากปัจจัยบวกที่เกิดขึ้น ประกอบกับประโยชน์ที่ไทยเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (RCEP) ที่ทำให้สินค้าไทยไม่ต้องเผชิญกับกำแพงภาษี ซึ่งมีผลบังคับใช้เมื่อต้นปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ คาดว่า การส่งออกสินค้าที่ยังเติบโตต่อเนื่อง อาทิ สินค้าเกษตร ผลไม้สด ผลไม้แช่แข็ง สินค้ากลุ่มยาและเวชภัณฑ์ ถุงมือยาง สินค้าอุตสาหกรรมเกษตร น้ำตาลทราย อาหารเลี้ยงสัตว์ สินค้าอุตสาหกรรม รถยนต์ สินค้าที่เกี่ยวเนื่องกับน้ำมัน อัญมณี คอมพิวเตอร์ และเครื่องปรับอากาศ เป็นต้น

ส่วนปัจจัยการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสำคัญอีกปัจจัยหนึ่ง คือการลงทุนจากต่างประเทศ ซึ่งในปีที่ผ่านมามีการขยายตัวขึ้น โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้า รายงานว่า จากสถานการณ์การส่งออกที่มีแนวโน้มโตต่อเนื่อง ค่าเงินบาทอ่อน และโควิดสายพันธุ์โอมิครอนไม่ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงมากนัก ส่งผลดีต่อการลงทุนจัดตั้งธุรกิจใหม่ในเขต EEC ยอดการจัดตั้งธุรกิจใหม่เขต EEC ในปี 2564 มีจำนวนถึง 6,698 ราย ขยายตัว 9.73% โดยนักลงทุนญี่ปุ่นเป็นชาติที่เข้ามาลงทุนใน EEC มากที่สุด สำหรับปี 2565 คาดการณ์การจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจในพื้นที่เขต EEC จะยู่ที่ 6,500-6,800 ราย

รองโฆษกฯ กล่าวว่า รัฐบาลเชื่อมั่นว่าภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยในปีนี้จะขยายตัวที่ระดับ 4.0% ต่อปี (โดยมีช่วงคาดการณ์อยู่ที่ 3.5-4.5%) ตามการคาดการณ์ของกระทรวงการคลัง ซึ่งจะส่งผลต่อการเพิ่มขึ้นของรายได้ประเทศและรายได้ครัวเรือน ด้วยมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการใช้งบประมาณแผ่นดิน 3.1 ล้านล้านบาท งบลงทุนรัฐวิสาหกิจ 3.07 แสนล้านบาท และ พ.ร.ก.เงินกู้ ควบคู่ไปกับการเติบโตของภาคการส่งออก การท่องเที่ยว การลงทุนจากต่างชาติ ที่มีตัวเลขยืนยันเป็นที่ประจักษ์

ทั้งนี้ การดำเนินการต่างๆ จะอยู่ภายใต้การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างสมดุลระหว่างการขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและความปลอดภัยทางสาธารณสุข รวมถึงเสถียรภาพทางเศรษฐกิจต้องอยู่ภายในกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อที่รัฐบาลและธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.)ร่วมกันกำหนดที่ระดับ 1.0-3.0% ต่อปี

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (01 ก.พ. 65)

Tags: , , , , ,
Back to Top