STARK ตั้ง สตาร์ค ดิจิตอล รุกเทคฯดิจิทัล, เป้ารายได้ปีนี้ทะลุ 3 หมื่นลบ.

บมจ.สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น (STARK) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติให้เข้าลงทุนใน บริษัท สตาร์ค ดิจิตอล จำกัด (STARK DIGITAL) โดยบริษัทจะเข้าถือหุ้นทั้ง 99.98% เพื่อขยายธุรกิจดิจิทัล ทุนจดทะเบียน 1,000,000 บาท

วัตถุประสงค์ในการลงทุน การลงทุนในเทคโนโลยีด้านดิจิทัล บริหารจัดการแพลตฟอร์มทางเทคโนโลยี (technology platform) รวมถึงการสร้างขีดความสามารถทางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อตอบสนองความเปลี่ยนแปลงในกลไกตลาด และรูปแบบการทำธุรกิจ โดยแหล่งเงินทุน เป็นเงินทุนหมุนเวียนหรือกระแสเงินสดของบริษัท

นายประกรณ์ เมฆจำเริญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร STARK เปิดเผยว่า แผนการดำเนินธุรกิจในปี 65 บริษัทตั้งเป้าหมายการเติบโตของรายได้ไม่น้อยกว่า 30,000 ล้านบาท และมั่นใจว่าจะทำสถิติสูงสุดใหม่ได้ต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทฯ มีแผนการขยายฐานรายได้เข้าสู่ธุรกิจยานยนต์พลังงานไฟฟ้า หรือ EV ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมที่กำลังเติบโตทั่วโลก ประกอบกับมีสายไฟเป็นปัจจัยที่สำคัญและจำเป็นต้องมีการเปลี่ยนแปลงชุดสายไฟตามเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งภาคอุตสาหกรรมและภาคครัวเรือน

นอกจากนี้ บริษัทวางแผนการผลิต และจำหน่ายสินค้าใหม่ในกลุ่ม High-Margin อาทิเช่น สายไฟ Submarine Cable หรือ เคเบิลใต้น้ำ , สายไฟ HVDC Cable หรือ ระบบสายส่งกระแสตรงแรงดันสูงใช้สำหรับในการส่งกำลังไฟฟ้าด้วยไฟฟ้ากระแสตรงทำให้สามารถเชื่อมระบบไฟฟ้ากระแสสลับต่างระบบที่มีความถี่ต่างกันได้อย่างสะดวก โดยไม่ต้องทำการซิงโครไนซ์ และ Transmission line หรือสายส่งหรือสายนำสัญญาณ เป็นต้น นอกจากนี้ บริษัทฯยังมีสินค้าชนิดอื่นที่อยู่ในระหว่างการพัฒนาสินค้าเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการจำหน่ายต่อไป เช่น เทปพันสายไฟสำหรับ สายไฟ High Voltage และ PD Conduit อีกด้วย

ปัจจุบัน บริษัทยังมีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) อยู่ที่ไม่น้อยกว่า 10,000 ล้านบาท โดยเป็นงานทั้งใน และต่างประเทศ ซึ่งจะทยอยรับรู้ต่อเนื่อง และเป็นการรองรับการเติบโตในอนาคต

ส่วนภาพรวมผลการดำเนินงานในปี 64 บริษัทมีรายได้หลัก 27,093 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10,235 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 60.7% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีรายได้ 16,858 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 2,783 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,263 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 83.0% เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,520 ล้านบาท และมีอัตราส่วนกำไร (Net profit margin) เท่ากับ 10.3%

“ปัจจัยที่สนับสนุนให้ผลการดำเนินงานมีการเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เนื่องจากมีการรับรู้ยอดขายที่ปรับตัวสูงขึ้นจากงานในโครงการภาครัฐและเอกชนที่ดำเนินการก่อสร้างอย่างต่อเนื่องตามแผนงานและกำหนดการที่วางไว้ สอดคล้องกับกลยุทธ์การมุ่งเน้นกลุ่มสินค้า High Margin โดยเฉพาะกลุ่มสายไฟแรงดันระดับกลางจนถึงระดับสูงพิเศษ (Medium – Extra High Voltage) ที่มีการเติบโตสูงเพื่อรองรับโครงการต่าง ๆ ของภาครัฐและเอกชน ประกอบกับผลการดำเนินงานของธุรกิจที่ประเทศเวียดนาม มีอัตราการเติบโตที่ดีทั้งในส่วนรายได้และกำไรอีกด้วย”

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 65)

Tags: , , ,
Back to Top