VL ตั้งเป้ารายได้ปี 65 โต 25% รุกตลาดมาเลเซีย-อินโดฯ,ซื้อเรือ 1 ลำเสริมทัพ

นางชุติภา กลิ่นสุวรรณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. วี.แอล.เอ็นเตอร์ไพรส์ (VL) เปิดเผยว่า ภาพรวมอุตสาหกรรมเรือขนส่งปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ในปี 65 มีแนวโน้มการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากดีมานด์การใช้ปริมาณพลังงานเชื้อเพลิงเพิ่มสูงขึ้นซึ่งเป็นผลจากอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวภายในประเทศกลับมาคึกคัก ส่งผลให้ความต้องการใช้น้ำมันโดยรวมในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้น

ด้วยปัจจัยดังกล่าวทำให้ VL ได้รับอานิสงส์ เชิงบวกตามการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรมฯ ส่งผลให้ VL วาง Business outlook สำหรับปี 65 ตั้งเป้าหมายอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 25% เมื่อเทียบกับปี 64 ที่มีรายได้รวม 670 ล้านบาท ภายใต้กลยุทธ์การขับเคลื่อนองค์กรให้มีการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

สำหรับแผนกลยุทธ์ที่ VL มุ่งเน้นในปีนี้คือ การขยายการให้บริการขนส่งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศอินโดนีเซีย มาเลเซีย ซึ่งเป็นผู้นำการส่งออกรายใหญ่ของโลกขยายตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลให้บริษัทฯเร่งขยายแผนการให้บริการในต่างประเทศมากขึ้นเพื่อให้สอดรับกับความต้องการ เนื่องจากเส้นทางของประเทศดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักของการขนส่งของ VL ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯให้บริการขนส่งทางทะเลในต่างประเทศ อาทิ น้ำมันปาล์ม น้ำมันหล่อลื่น น้ำมันปิโตรเลียม

การขยายแผนขนส่งในกลุ่มประเทศดังกล่าว เพื่อรองรับความต้องการด้านการขนส่งน้ำมันปาล์ม เนื่องจากน้ำมันปาล์มมีความต้องการใช้สูงเพราะน้ำมันปาล์มนอกจากจะเป็นน้ำมันหล่อลื่นแล้ว ยังสามารถนำไปใช้ในอุตสาหกรรมที่หลากกลาย อาทิ สี สิ่งทอ เครื่องสำอาง เคมีภัณฑ์สำหรับทำความสะอาด ไม้ กระดาษ โลหะยาง พลาสติก เป็นต้น ส่งผลให้บริษัทฯเล็งเห็นโอกาสการการขยายการให้บริการดังกล่าว เนื่องจากเส้นทางของประเทศดังกล่าวเป็นเส้นทางหลักของการขนส่งของบริษัทฯ

นอกจากนี้ VL ยังมีแผนในการขยายกองเรือเพิ่ม จำนวน 1 ลำ น้ำหนักบรรทุกไม่ต่ำกว่า 10,000 เดตเวตตัน (DWT) ภายใต้งบลงทุนประมาณ 200 ล้านบาท โดยเรือดังกล่าวบริษัทฯ คาดว่าจะนำเข้ามา ในช่วงครึ่งปีหลัง เพื่อเพิ่มความสามารถในการให้บริการ ซึ่งสอดรับกับนโยบายบริษัทฯในการขยายฐานลูกค้าไปยังกลุ่มประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทั้งนี้หากกองเรือดังกล่าวสามารถเข้ามาตามระยะเวลาที่กำหนดและดำเนินการให้บริการในเชิงพาณิชย์ได้ทันที ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทฯ มีความสามารถในการรับรู้รายได้จากการให้บริการเรือดังกล่าวโดยเฉลี่ยเข้ามาในปี 2565 ประมาณ 90 ล้านบาท และจะรับรู้เข้ามาเต็มปีในปี 2566 เป็นต้นไป เฉลี่ยประมาณ 180 ล้านบาทต่อปี

ทั้งนี้ VL จะมีการปลดระวางเรือที่มีอายุมาก จำนวน 1 ลำ คือ V.L.10 น้ำหนักบรรทุก 3,091 DWT ดังนั้นหากบริษัทฯ นำเรือลำใหม่เข้ามา จะส่งผลให้บริษัทฯกองเรือทั้งหมด 12 ลำ ขนาดบรรทุกรวม 50,800 DWT เพื่อที่จะเป็นการสร้างตลาดใหม่ๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในประเทศเวียดนาม ประเทศจีน และประเทศอินโดนีเซีย รวมไปถึงการขยายเส้นทางการให้บริการใหม่ๆ ที่มีความต้องการปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้สัดส่วนรายได้จากต่างประเทศในปี 65 เพิ่มขึ้นมากกว่า 50% จากปี 564 ขณะที่ในประเทศ จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 4% จากปี 64

อย่างไรก็ตาม สำหรับภาพรวมผลการดำเนินงานของบริษัทในปี 64 มีรายได้รวม 670 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.60% มีกำไรสุทธิ 23 ล้านบาท ลดลง 72.6% โดยยอมรับว่าในช่วงปีที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดและการกลายพันธุ์ของโควิด-19 แต่บริษัทยังยึดหลักการบริหารงานอย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยกลยุทธ์มุ่งเน้นกระจายความเสี่ยง ด้วยการปรับกลยุทธ์การให้บริการขนส่งทางเรือในต่างประเทศมากกว่าในประเทศ

 

โดย สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (24 ก.พ. 65)

Tags: , , ,
Back to Top